เจมส์ แพคเกอร์ มหาเศรษฐีชาวออสเตรเลียได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท คราวน์ ซึ่งเป็นเจ้าของคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียที่ขาดทุนไปแล้วอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์ ด้วยการซื้อหุ้นเพิ่มเป็นกว่า 40% มูลค่า 205 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 186 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการซื้อหุ้นอีก 3% ในบริษัทคราวน์นี้ถือเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดที่แพ็คเกอร์สามารถทำได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดซื้อขายอย่างเต็มรูปแบบตามกฎระเบียบของตลาดหุ้นออสเตรเลีย
นับตั้งแต่ที่แพ็คเกอร์ได้รับมรดกตกทอดมาจากแคร์รี แพ็คเกอร์ ผู้เป็นพ่อมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เขาได้ใช้เงินที่ได้มาจากการขายธุรกิจสื่อของบิดา 5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อทำอันเดอร์ไรท์มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับขยายธุรกิจการพนันในอเมริกาเหนือ ส่งผลให้การสำรองหนี้สูญสำหรับการลงทุนในโครงการดังกล่าวทำให้คราวน์ต้องประสบภาวะขาดทุน ขณะที่นักลงทุนต่างๆคาดว่า แพ็คเกอร์จะต้องลงมือทุ่มงบเพื่อกระตุ้นธุรกิจการพนันอีกครั้ง
บลูมเบิร์กรายงานว่า ทิโอ มาส เจ้าหน้าที่ของฟอร์ทิส อินเวสเมนท์ พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า ธุรกิจการพนันและคาสิโนเป็นธุรกิจที่สำคัญสำหรับเขา และในธุรกิจเกมและการพนันตอนนี้ก็ไม่มีใครมีเงินจำนวนมากเหมือนแพ็คเกอร์
คราวน์ขาดทุนถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วง 1 ปีที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ลดมูลค่าการลงทุนในบริษัทผู้ประกอบการต่างๆ เช่น สเตชั่น คาสิโนส์, ฮาร์ราห์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ แคนเนอรี คาสิโน รีสอร์ทส์ และฟอนเทนโบล รีสอร์ทส์
การลงทุนในหลักทรัพย์มูลค่า 1.377 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียของคราวน์ในธุรกิจของผู้ประกอบการต่างชาติ ซึ่งโรเวน เครกี ซีอีโอมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่นั้น ตอนนี้กลับทำเงินให้ได้เพียง 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 3.6% ของมูลค่าเดิม
รายได้จากธุรกิจการพนันของ Las Vegas Strip ร่วงลงมาติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 แล้ว ขณะที่รายได้ของแอตแลนติค ซิตี้ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐก็ลดลงมาต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 แล้ว