ผลกำไรในกลุ่มธุรกิจพลังงานของบริษัทซิโนเปคปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 จากผลกระทบของต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
บลูมเบิร์กรายงานการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่จากซิโนเปค หรือบริษัท China Petroleum & Chemical Corp. ว่าผลกำไรของบริษัทปรับตัวลดลงในระหว่างไตรมาส 3 ของปีนี้ เมือเทียบกับ 2 ไตรมาสแรก แม้บริษัทจะมีปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นแต่ก็ยังไม่สูงพอที่จะชดเชยกับต้นทุนราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นได้ ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันอาจทรุดตัวในไตรมาสนี้
โดยในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ ซิโนเปคทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.2 หมื่นล้านหยวน (3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และคาดว่ารายได้ในช่วง 9 เดือนจะขยายตัวขึ้นกว่า 50% หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมราคาน้ำมัน ส่วนผลกำไรช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่เกือบ 2 หมื่นล้านหยวน เมื่อเทียบกับที่ขาดทุน 7.47 หมื่นล้านหยวนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
จีน ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลกได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลขึ้น 3 รอบในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส 3 ที่ปรับเพิ่มราคาน้ำมันเพียงครั้งเดียว โดยราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในตลาดนิวยอร์กเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 68 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่ซิโนเปคคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 60-80 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้
เกรซ หลิว นักวิเคราะห์จาก Guotai Junan Securities Ltd. กล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวของราคาเชื้อเพลิงในประเทศเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลกำไรการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่น และเราคาดว่า กำไรการดำเนินงานจะร่วงลงสู่ระดับ 5.40 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงครึ่งปี จากระดับ 8.60 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงครึ่งปีแรก"
ทั้งนี้ ซิโนเปคจะมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันในโรงกลั่นที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น มากกว่าที่จะสร้างโรงกลั่นแห่งใหม่ โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับ 202 ล้านตันในปี 2554 จากระดับ 168.8 ล้านตันในปี 2551 พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขายขึ้น 10% เป็น 135 ล้านตัน จากเดิม 123 ล้านตัน