โบอิ้ง โค เผยผลประกอบการขาดทุนหนักเกินคาดในไตรมาส 3 พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ หลังจากที่บริษัทต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กรณีส่งมอบเครื่องบินรุ่น 787 Dreamliner และ 747-8 จัมโบ้เจ็ทล่าช้ากว่ากำหนด
โดยโบอิ้งรายงานยอดขาดทุนสุทธิที่ 1.56 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.23 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับรายได้สุทธิที่ 695 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าโบอิ้งจะมีรายได้เฉลี่ยที่ 2.10 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกันในไตรมาสที่ผ่านมา โบอิ้งทำยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 9.1% แตะที่ 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์ เพราะได้รับผลกระทบจากการประท้วงหยุดงาน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์
ไมเคิล เมอร์ลูซู ที่ปรึกษาจากบริษัทจีทู โซลูชั่นส์ในซีแอตเทิลกล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "เราต้องหักรายได้ส่วนหนึ่งไปจ่ายค่าปรับกรณีส่งมอบเครื่องบินล่าช้า ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบเลวร้ายต่อแนวโน้มผลประกอบการตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป"
โบอิ้งคาดว่า ผลกำไรตลอดทั้งปีอาจอยู่ที่ 1.35-1.55 ดอลลาร์/หุ้น พร้อมทั้งคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 6.8-6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าผลกำไรประจำปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.67 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้ปีหน้าจะอยู่ที่ 4.42 ดอลลาร์/หุ้น
ทั้งนี้ ณ เวลา 16:15 น.ตามเวลาท้องถิ่น หุ้นของโบอิ้งตกลง 2.4% ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก อย่างไรก็ตามในปีนี้ หุ้นโบอิ้งทะยานขึ้น 19% หลังจากที่ร่วงลง 50% นับตั้งแต่เดือนต.ค.2550
ด้านนักวิเคราะห์จากบรู๊คฟิลด์ อินเวสเมนท์ เมเนจเมนท์ อิงค์แสดงความเห็นว่า ผลประกอบการของโบอิ้งยังคงอ่อนแอจากผลกระทบของการจ่ายค่าเสียหายในกรณีที่บริษัทส่งมอบเครื่องบินล่าช้า ขณะที่แนวทางการดำเนินงานในปีนี้ยังด้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซ้ำร้ายตัวเลขหนี้สินก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากโบอิ้งจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในอนาคต