สหรัฐเผยราคาบ้านในเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมดในเดือนส.ค.

ราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนสิงหาคม แสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐเริ่มฟื้นตัวอย่างมั่นคงบ้างแล้ว โดยดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐซึ่งจัดทำโดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส-ชิลเลอร์ ปรับตัวสูงขึ้น 1% ในเดือนสิงหาคมจากเดือนกรกฎาคม แตะ 144.5 จุด แต่ลดลง 11.4% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

นอกจากนั้นดัชนีดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่าราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นใน 15 เมืองใหญ่มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยการนำของซานฟรานซิสโก, มินนีอาโพลิส และซานดิเอโก

ยอดขายบ้านเริ่มดีดตัวขึ้นหลังราคาบ้านและดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ลดภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยยอดขายบ้านมือสองโตกว่า 9% ในเดือนกันยายน ซึ่งถือว่ามากสุดในรอบ 26 ปี ส่วนยอดขายบ้านมือหนึ่งกำลังจะได้รับการเปิดเผยในวันนี้

อย่างไรก็ตาม เอเบียล เรนฮาร์ท นักเศรษฐศาสตร์จากเจพีมอร์แกน เชส แบงก์ กล่าวกับเอพีว่า "การที่ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นก็เป็นเรื่องดี แต่เราต้องไม่ลืมว่าราคาบ้านยังมีโอกาสปรับตัวลดลงอีก"

ด้านแซค แพนเดิล นักเศรษฐศาสตร์จากโนมูระ โกลบอล อีโคโนมิกส์ เชื่อว่าราคาบ้านอาจลดลงสู่ระดับเดียวกับเมื่อช่วงต้นปี ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากก็เกรงว่าราคาบ้านที่เพิ่งเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอาจไม่สามารถต้านทานความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงอย่างหนักได้ ในขณะที่อัตราว่างงานก็พุ่งสูง บ้านก็ถูกยึดจำนวนมาก และมาตรการลดภาษีให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกก็กำลังจะสิ้นสุดลง

ตอนนี้สมาชิกสภาคองเกรสกำลังถกกันเรื่องการขยายเวลาให้ความช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเงินได้ถึง 10% ของราคาบ้าน หรือสูงสุด 8,000 ดอลลาร์ โดยผู้สนับสนุนมาตรการดังกล่าวอาจให้เหตุผลว่าต้องขยายเวลาให้ความช่วยเหลือเพราะล่าสุดสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เพิ่งเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงเกินคาดเกือบ 6 จุดในเดือนตุลาคมจากเดือนกันยายน จนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

แม้ดัชนีราคาบ้านโดยรวมปรับัวสูงขึ้น แต่ราคาบ้านก็ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นในทุกเมือง โดยราคาบ้านในลาสเวกัส, ซีแอทเทิล และชาร์ล็อตต์ (นอร์ทแคโรไลน่า) ทั้งหมดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะราคาบ้านในลาสเวกัสที่ร่วงลงถึง 56% จากระดับสูงสุดในเดือนเมษายนปี 2549 ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดจากทั้งหมด 20 เมือง