การศึกษาระดับการโจรกรรมในธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก (GRTB) ระบุว่า มูลค่าความเสียหายจากการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกทั่วโลกในปีนี้พุ่งขึ้นแตะที่ 1.148 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.832 ล้านล้านบาท) หรือขยายตัวขึ้น 5.9% จากระดับ 1.045 แสนล้านดอลลาร์ (3.488 ล้านล้านบาท) ในปีที่แล้ว
จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันความสูญเสีย ส่งผลให้อัตราการขโมยสินค้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มทำการศึกษามา โดยการขโมยสินค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบ 6% หรือเท่ากับ 1.43% ของยอดขายของร้านค้าปลีก
ศจ.โจชัว แบมฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการค้าปลีก (Centre for Retail Research) และเป็นผู้ทำการศึกษาในครั้งนี้ กล่าวว่า “ผู้ค้าปลีกเชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเป็นสาเหตุที่ทำให้การขโมยสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 3 และผู้ค้าปลีกหลายรายยังให้ข้อมูลด้วยว่า ประเภทของผู้กระทำความผิดและประเภทของสินค้าที่ถูกขโมยมีการเปลี่ยนแปลงไป"
ด้านร็อบ แวน เดอ เมอร์วี ประธานและซีอีโอบริษัทเช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์ (Checkpoint Systems, Inc.) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการศึกษาครั้งนี้กล่าวว่า “หลายธุรกิจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่คงมีไม่กี่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเหมือนอุตสาหกรรมการค้าปลีก"
นอกจากนี้ การเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราว่างงานพุ่งสูงได้กลายเป็นปัญหาที่ผู้ค้าปลีกให้ความสำคัญมากขึ้นกว่าเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ค้าปลีกเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเป็นสาเหตุที่ทำให้การขโมยของเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นชิ้นเล็กๆและซ่อนง่าย รวมถึงสินค้าราคาแพงและแบรนด์ดัง เนื่องจากเป็นที่นิยมและนำไปขายต่อได้ง่าย
ทั้งนี้ การศึกษาระดับการโจรกรรมในธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก (GRTB) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการขโมยสินค้าและก่ออาชญากรรมในร้านค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่และครอบคลุมมากที่สุดในโลก ซึ่งจะมีการสำรวจประจำปีโดยศูนย์วิจัยการค้าปลีกในเมืองนอตติงแฮม สหราชอาณาจักร