นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองในสหรัฐอาจดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลจนหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบเกือบ 80 ปี
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะดีดตัว 2.5% แตะ 6.25 ล้านหลังในเดือนพฤศจิกายน จากระดับ 6.1 ล้านหลังในเดือนตุลาคม โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น
อีกหนึ่งสัญญาณบวกสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์คือราคาบ้านที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นและปรับตัวสูงขึ้นในบางพื้นที่ เนื่องจากผู้ซื้อบ้านต่างเร่งซื้อบ้านก่อนที่มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านหลังแรกจะหมดอายุลงเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นรัฐบาลก็ตัดสินใจขยายเวลาโครงการดังกล่าวออกไปอีก ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าการขยายเวลาดังกล่าวจะทำให้ยอดขายบ้านจะลดลงในช่วงฤดูหนาว ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ทั้งนี้ มาตรการของรัฐบาลกำหนดว่าจะให้ความช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านหลังแรกเป็นเงินสูงสุด 8,000 ดอลลาร์ ส่วนผู้ที่อยู่บ้านเดิมมานานเกิน 5 ปีสามารถเคลมภาษีได้สูงสุด 6,500 ดอลลาร์หากมีการย้ายบ้าน โดยผู้ที่ต้องการรับความช่วยเหลือต้องลงนามในข้อตกลงซื้อบ้านภายในวันที่ 30 เมษายน