บริษัท พอสโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุดในเอเชีย เปิดเผยกำไรสุทธิประจำไตรมาส 4 ปี 2552 พุ่งขึ้น 77% แตะระดับ 1.28 ล้านล้านวอน หรือ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสุงสุดในรอบ 6 ไตรมาส จากปีที่แล้วที่ระดับ 7.214 แสนล้านวอน พร้อมกับคาดการณ์ว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.3 ล้านล้านวอนในปีนี้ และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 9.3% ในปีนี้ เนื่องจากดีมานด์เหล็กและเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้น
พอสโคกล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า "ทางบริษัทวางแผนที่จะทุ่มเงินลงทุน 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อขยายฐานการผลิตในอินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อรักษาสถานะการเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของเอเชีย พอสโคเชื่อว่ากิจการของบริษัทจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าคู่แข่งรายอื่นๆในตลาด เพราะบริษัทสามารถฟันฝ่าวิกฤตการณ์ต่างๆมาได้ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมถึงการลดผลผลิตลงเพียง 20% ในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่คู่แข่งทั่วโลกลดผลผลิตลงกว่า 40%"
ทั้งนี้ พอสโควางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตเหล็กดิบอีก 16.6% เป็น 34.4 ล้านตันในปีนี้ และจะหนุนยอดขายให้เพิ่มขึ้นเป็น 29.5 ล้านล้านวอน อีกทั้งวางแผนที่จะลดต้นทุนมูลค่า 1.15 ล้านล้านวอน
รายงานระบุว่า ในระยะเวลา 12 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.2552 พอสโคเป็นบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่เพียงแห่งเดียว จากทั้งหมด 10 แห่งทั่วโลก ที่ไม่เคยรายงานตัวเลขขาดทุนรายไตรมาสแม้แต่ครั้งเดียว
สมาคมเหล็กโลกเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตลาดเหล็กทั่วโลกได้ดิ่งลงจนถึงก้นเหวแล้ว และมีแนวโน้มดีดตัวขึ้น 9.2% ในปี 2553 เนื่องจากดีมานด์ทั้งในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น