นินเทนโด ผู้ผลิตเครื่องเล่นวิดีโอเกมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทมีผลกำไรลดลงในช่วงเดือนเม.ย.-ธ.ค. 2552 หรือช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบการเงินปัจจุบัน หลังจากที่รายได้จากการจำหน่ายเครื่องเล่นเกม Wii ลดลง
ผลกำไรในช่วงเวลาดังกล่าวลดลง 9.4% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.926 แสนล้านเยน เนื่องจากรายได้ที่ดิ่งลง 23.1% แตะ 1.18 ล้านล้านเยน แม้ว่ายอดขายจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้างในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. หรือไตรมาส 3 ที่ผ่านมาก็ตาม
โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ทะยาน 82% จากปีก่อน แตะ 1.231 แสนล้านเยน ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ร่วง 23% มาอยู่ที่ 1.923 แสนล้านเยน เนื่องจากรายได้ลดลง 10% แตะ 6.319 แสนล้านเยน
นินเทนโดกล่าวว่าสาเหตุที่ทำให้กำไรและรายได้ลดลงนั้น เป็นเพราะยอดขายที่ซบเซาในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย.และการแข็งค่าของเงินเยน
ทั้งนี้ แม้ยอดขายเครื่องเกม Wii ในสหรัฐจะดีดตัวสูงขึ้นในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถช่วยชดเชยรายได้ที่หดหายไปจากการลดราคาเครื่อง Wii ลง 20% ได้
นินเทนโด ได้ตัดสินใจลดราคาเครื่องเล่นเกม Wii เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว โดยหวังที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดต่อไป หลังจากที่โซนี่ได้ลดราคา PlayStation3 และไมโครซอฟท์ลดราคาเครื่อง Xbox ไปก่อน ซึ่งแผนลดราคาก็ช่วยให้ยอดขายเครื่องเล่นเกมของทั้งสามบริษัทกระเตื้องขึ้น แต่การที่ราคาถูกลงก็หมายถึงรายได้และกำไรที่ลดลงเช่นกัน
พร้อมกันนี้ บริษัทได้คงคาดการณ์ผลกำไรสุทธิตลอดปี 2552 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.นี้ว่า จะร่วงลง 17.6% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 2.3 แสนล้านเยน จากยอดขาย 1.5 ล้านล้านเยน ซึ่งลดลง 18.4% นอกจากนี้ นินเทนโดมีแผนที่จะลดเงินปันผลประจำปีงบ 2552 เป็น 960 เยนต่อหุ้น จากระดับ 1,440 เยนในปีก่อน