ออสเตรเลียประกาศทุ่มงบประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (173 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อปรับปรุงระบบป้องกันความปลอดภัยด้านการบิน
โดยตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป สนามบินนานาชาติหลายแห่งในประเทศจะมีการติดตั้งเครื่องสแกนร่างกาย เครื่องเอ็กซ์เรย์แบบหลายมุมมองรุ่นใหม่ล่าสุด และเครื่องสแกนขวดน้ำเพื่อตรวจหาของเหลวที่อาจเป็นตัวจุดระเบิดได้
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ และนายแอนโธนี อัลบานีส รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ยังเน้นย้ำว่าออสเตรเลียจะขยายความร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยกับนานาชาติ โดยเฉพาะการตรวจสอบเที่ยวบินที่จะมาลงจอดที่ออสเตรเลีย ขณะเดียวกันออสเตรเลียจะทำการทดลองร่วมกับสหรัฐและอังกฤษเพื่อค้นหาเทคโนโลยีที่จะช่วยพัฒนาการตรวจจับของเหลวที่สามารถจุดระเบิดได้
ทั้งนี้ การตัดสินใจปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ชายชาวไนจีเรียคนหนึ่งพยายามจุดชนวนระเบิดบนเครื่องบินของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์ ที่บินออกจากกรุงอัมสเตอร์ดัม มาลงจอดที่เมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวเกียวโดรายงาน