งาน Mobile World Congress 2010 เปิดฉากแล้วที่กรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยมีบริษัทในแวดวงไอทีคอมพิวเตอร์กว่า 1,300 แห่งเดินหน้านำเทคโนโลยี มือถือรุ่นใหม่ เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล อัลคาเทล-ลูเซนท์ โวดาโฟน อีริคสัน ที่พร้อมโชว์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์กันเต็มที่ตลอดระยะเวลาจัดงาน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-18 กุมภาพันธ์นี้
แม้ว่าโนเกีย แอปเปิล และแอลจี ตัดสินใจไม่นำผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของตนมาร่วมจัดแสดงในงาน แต่ก็ใช่ว่าจะเมินเฉยซะทีเดียว โดยโนเกียและแอลจีจัดงานแถลงข่าวต่างหาก เพื่อให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนทั่วโลกที่เดินทางมาทำข่าวกัน โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานนี้มากกว่า 47,000 คน
ด้านซัมซุง อิเลคโทรนิคส์เองก็รุกเต็มกำลังหลังจากคว้าตำแหน่งบริษัทที่ทำยอดขายได้มากที่สุดในตลาดอเมริกาเหนือเมื่อปีที่แล้ว ด้วยการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ถึง 4 รุ่น เช่นเดียวกับโซนี่ อีริคสัน ที่ได้โอกาสเปิดตัวสมาร์ทโฟนในงานเช่นกัน
ส่วนรีเสิร์ช อิน โมชั่น (อาร์ไอเอ็ม) ผู้ผลิตแบล็กเบอร์รี่ ก็ร่วมแสดงสินค้าในงาน ขณะที่ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Windows Phone 7 ในงานนี้ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการสัมนาจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงสื่อสารไอที รวมทั้งคอนเสิร์ตจากวงดูแรน ดูแรน ในพิธีมอบรางวัลแก่บริษัทผู้เป็นเจ้าของโซลูชั่นที่ทันสมัยและสร้างสรรค์โดนใจมากที่สุด
ด้วยความที่ตลาดแอพพลิเคชั่นเป็นที่หมายปองของเหล่าบริษัทมือถือ การมารวมตัวกันในงานครั้งนี้ จึงส่งผลให้ 24 บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของโลกตกผลึกแนวคิดในการสร้างชุมชนพัฒนาแอพพลิเคชันร่วมกัน (The Wholesale Applications Community) ด้วยการพัฒนาสภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนาและเผยแพร่แอพพลิเคชั่นแบบเปิดบนอินเทอร์เน็ตและมือถือโดยไม่จำกัดค่ายหรือระบบปฏิบัติการ เพื่อที่ผู้ใช้บริการมือถือจากระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันจะสามารถใช้แอพพลิเคชันเดียวกันได้อย่างสะดวกสบาย คาดว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเห็นผลภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้านี้
นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคทั่วโลกจะใช้จ่ายด้านซอฟท์แวร์สำหรับมือถือเป็นมูลค่าสูงถึง 6.2 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ และคาดว่าปริมาณการดาวน์โหลดซอฟท์แวร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 พันล้านครั้ง จากสถิติปีที่แล้วที่ 2.5 พันล้านครั้ง โดยมูลค่าการดาวน์โหลดจะสูงถึง 2.1 หมื่นล้านครั้งภายในปี 2556 คิดเป็นรายได้เกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์
สื่อต่างชาติมองว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นความพยายามที่จะแข่งขันกับแอปเปิลที่กวาดรายได้แซงหน้าไปหลายขุมจากแอพพลิเคชันที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นมา โดยยอดการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของแอปเปิลในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา สูงถึง 3 พันล้านครั้ง
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการมือถือทั้ง 24 รายดังกล่าวที่ร่วมวงสามัคคีกันเพื่ออนาคตที่สดใส ได้แก่ Amrica Movil, AT&T, Bharti Airtel, China Mobile, China Unicom, DeutscheTelekom, KT, mobilkom austria group, MTN Group, NTT DoCoMo, Orange, OrascomTelecom, Softbank Mobile, Telecom Italia, Telefonica, Telenor Group,TeliaSonera, SingTel, SK Telecom, Sprint, Verizon Wireless, VimpelCom, Vodafone และ Wind
นอกจากโอเปอเรเตอร์ชื่อดังเหล่านี้แล้ว ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ชั้นนำของโลกอย่างแอลจี อิเล็กทรอนิกส์ ซัมซุง และโซนี่ อีริคสัน รวมทั้งสมาคมจีเอสเอ็มต่างก็ให้การสนับสนุนด้วยเช่นกัน
ไมโครซอฟท์ได้ฤกษ์เปิดตัวระบบปฏิบัติการล่าสุดของโทรศัพท์มือถือ "Windows Phone 7 series" เป็นครั้งแรกในงานนี้เช่นกัน โดยซอฟท์แวร์นี้ถูกออกแบบมาให้เชื่อมโยงกับบริการของไมโครซอฟท์อย่าง Xbox LIVE และ Zune
สำหรับมือถือบนระบบปฏิบัติการใหม่นี้ คาดว่าจะมีการนำออกมาวางจำหน่ายได้ในช่วงคริสต์มาสปีนี้ โดยซัมซุง เอชทีซี เอชพี อีริคสัน เดลล์ แอลจี และโตชิบา ได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์เรียบร้อยแล้ว
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การเปิดตัวครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของไมโครซอฟท์ที่จะดึงส่วนแบ่งตลาดที่สูญเสียให้กับคู่แข่งอย่างแอปเปิล กูเกิล หลังจากที่ไอโฟนได้ทำรายได้มหาศาลจากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับแบล็กเบอร์รี่
เทคโนโลยีที่หัวเว่ยภูมิใจนำเสนอในงานได้แก่ LTE-advanced เทคโนโลยี LTE แรกของโลกที่ให้อัตราความเร็วในการดาวน์โหลดสูงกว่า 600 เมกกะบิตต่อวินาที รวมทั้งนำเสนอโซลูชั่น HSPA+ ที่เร็วที่สุดของโลกในอัตราการดาวน์โหลดสูงกว่า 84 เมกกะบิตต่อวินาที
หัวเว่ยยังได้แนะนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบแอนดรอยด์ (Android -powered terminal devices) รวมทั้งแนะนำโซลูชั่นสำหรับ Core Network ในบริการ ONE Core Solution ที่ผนวกรวมบริการโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ด้วยกัน เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารให้คุ้มค่าการลงทุน
ทางด้าน มร. โกว ปิน ประธานฝ่ายการสื่อสาร หัวเว่ย ยังได้ร่วมสัมนาในหัวข้อ “Broadening the Ecosystem through Mobile Broadband" ไปเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังจัดแสดงเทคโนโลยี SingleMetro รุ่นใหม่ คือ CX600-x1 และ CX600-x2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการ IP ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด โดยมีความลึกเพียง 300 มม. เทคโนโลยี SingleMetro คือเครือข่ายส่วนกลาง ซึ่งปกติจะแยกเครือข่ายกันเพื่อรองรับการสื่อสารในระบบโทรศัพท์มือถือ บรอดแบนด์ และเครือข่ายโทรศัพท์ธรรมดา (Mobile, Broadband, Fixed Line) แต่หัวเว่ยพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถรองรับได้ทุกระบบบน platform เพียงหนึ่งเดียว และยังพัฒนาซอฟต์แวร์ U2520 ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่าย SingleMetro ในการควบคุมปฏิบัติการและดูแลปรับปรุงเครือข่ายให้สะดวกง่ายยิ่งขึ้น
ซัมซุงประเดิมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ถึง 4 รุ่น ในงาน Mobile World Congress 2010 โดย รุ่นที่เป็นไฮไลท์ที่ซัมซุงภูมิใจนำเสนอ คือ Samsung S8500 Wave สมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ “Bada" ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับมือถือของซัมซุง และยังสามารถใช้งานร่วมกับ TouchWiz เวอร์ชัน 3 ซึ่งสามารถตอบสนองการใช้งานโซเชียลมีเดีย เช่น ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก สำหรับสมาร์ทโฟนอีก 3 รุ่นของซัมซุงที่ได้มีการเปิดตัวในงานได้แก่ Samsung I8520 ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ 2.1 และ Samsung Chat B3410W ทัชสกรีนโฟน พร้อมแอพพลิเคชัน SNS สำหรับการเข้าสู่โซเชียลมีเดีย อีกรุ่นคือ Samsung E2370 ที่มีดีไซน์แบบแคนดี้ บาร์
โซนี่อีริคสัน เปิดตัวมือถือ 3 รุ่นใหม่ ได้แก่ Vivaz Pro ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น Vivaz ตามมาด้วย Xperia X10 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยมีรุ่นขนาดเล็กอย่าง mini และ mini pro ออกมาโชว์ตัวกันภายในงานเช่นกัน
สำหรับเครื่องในตระกูลแอนดรอยด์นั้น อีริคสันได้พัฒนา "Sony Ericsson Timescape" เพื่อเอาใจสาวกเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เต็มที่ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับ เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดใช้งานแอพพลิเคชัน
สมาคมผู้ประกอบการ GSM (GSMA) เผยไชน่า เทเลคอม เคดีดีไอ และเวอริซอน ไวร์เลส ได้ร่วมเป็นสมาชิกขององค์กร ซึ่งทั้ง 3 บริษัทได้ตกลงที่จะใช้บริการบนพื้นฐานของเทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่สำหรับบรอดแบนด์ไร้สาย หรือ Long-Term Evolution (LTE)
LTE เป็นเทคโนโลยียุคใหม่ซึ่งจะช่วยให้เครือข่ายบรอดแบนด์แบบพื้นฐานสามารถทำงานด้วยอัตราความเร็วสูงสุดถึง 100 เมกกะบิตสำหรับดาวน์ลิงค์ และ 50 เมกกะบิตสำหรับอัพลิงค์
อเล็กซ์ ซิแคลร์ ประธานฝ่ายเทคโนโลยีและยุทธศาสตร์ของ GSMA กล่าวว่า แนวโน้มที่เครื่องมือสื่อสารทั่วโลกจะเชื่อมโยงกันนั้นยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่มือถือ แล็ปท็อปเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือสื่อสารใดๆก็ได้ที่มีระบบการเชื่อมโยงแบบไร้สายบรรจุอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ในกล้องถ่ายรูป อุปกรณ์ในการฟังเพลง เครื่องวัดหรือตรวจสุขภาพ โดยมีการคาดหมายกันว่า ภายในปี 2568 จะมีการใช้อุปกรณ์แบบฝังตัวถึง 5 หมื่นล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่มโอกาสในการลดต้นทุนด้านการดูแลสุขภาพ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เรียกได้ว่า Mobile World Congress 2010 งานนี้ นอกจากจะมีเทคโนโลยีและมือถือใหม่มานำเสนอเพื่อแสดงศักยภาพของบริษัทไอทีแต่ละค่ายแล้ว ยังเป็นการผนึกกำลังของหลายฝ่ายเพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมากน้อยแค่ไหน และจะดีเลิศสมคำอวดอ้างหรือไม่