ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่โดยรวมยอดขายของผู้ผลิตทุกค่ายในสหรัฐพุ่งขึ้น 24.3% ในเดือนมี.ค. มาอยู่ที่ระดับ 1,066,205 คัน ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ขยับจากอันดับ 2 ขึ้นมารั้งอันดับ 1 ในเดือนมี.ค. ด้วยยอดขายสูงสุดในสหรัฐที่ 188,011 คัน เพิ่มขึ้น 22.0%
ขณะที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ขยับหนึ่งขั้นเช่นกันมารั้งอันดับ 2 ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนแตะ 186,863 คัน โดยเป็นตัวเลขที่พุ่งขึ้น 40.7% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และทะยานขึ้น 86.8% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่ยอดขายของบริษัทร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี
โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งของโตโยต้าสะท้อนให้เห็นว่าโตโยต้าประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย รวมถึงการปล่อยวงเงินกู้ซื้อรถยนต์ปลอดภาษีระยะเวลา 60 เดือน และให้บริการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ฟรีเป็นเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ ยอดขายของโตโยต้ายังได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งการที่สื่อมวลชนในสหรัฐมีปฏิกริยาที่ค่อนข้างเป็นบวกต่อโตโยต้าที่พยายามออกมาแก้ภาพพจน์ที่เสียหายไปจากการเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่ รวมถึงเมื่อครั้งที่ผู้บริหารโตโยต้าเดินทางไปอธิบายต้นเหตุของปัญหาการเรียกคืนรถยนต์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐ
ทั้งนี้ โตโยต้าได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์เรียกคืนรถยนต์ 2.21 ล้านคนที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. พร้อมทั้งประกาศระงับการขายรถยนต์รุ่นที่มีเชื่อเสียง 8 รุ่น รวมถึง Camry และ Corolla ตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.จนถึงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาคันเร่งค้าง โดยรถยนต์รุ่นที่มีชื่อเสียงทั้ง 8 รุ่นคิดเป็นร้อยละ 60 ของยอดขายโดยรวมของโตโยต้าในสหรัฐ
ยอดขายอันแข็งแกร่งในเดือนมี.ค.ของโตโยต้าและจีเอ็มสามารถเบียดฟอร์ด มอเตอร์ ซึ่งรั้งอันดับ 1 ในเดือนก.พ. ให้หล่นมาอยู่อันดับ 3 ในเดือนมี.ค. แม้ฟอร์ดจะมียอดขายพุ่งขึ้นถึง 42.8% แตะ 178,188 คันก็ตาม ขณะที่ยอดขายของไครสเลอร์ กรุ๊ป แอลแอลซี หนึ่งในบริษัทรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ ลดลง 8.3% แตะระดับ 92,623 คันในเดือนมี.ค.
ออโตดาต้าระบุว่า หากนำยอดขายของกลุ่มบิ๊กทรี (จีเอ็ม ไครสเลอร์ และฟอร์ด) มารวมกันพบว่า ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.8% แตะที่ 458,822 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 43.0% ซึ่งลดลงจากระดับของเดือนก.พ.ที่ 46.6%
ส่วนยอดขายรถยนต์จากค่ายอื่นๆของญี่ปุ่นในเดือนมี.ค.นั้น ยอดขายของฮอนด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 22.5% แตะที่ 108,262 คัน ยอดขายของนิสสัน มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 43.3% แตะที่ 95,468 คัน ยอดขายของมาสด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 5.5% แตะที่ 23,193 คัน ยอดขายของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ เพิ่มขึ้น 46.4% แตะที่ 23,785 คัน และยอดขายจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป เพิ่มขึ้น 17.6% แตะที่ 5,434 คัน อย่างไรก็ตาม ยอดขายของซูซูกิ มอเตอร์ ดิ่งลง 71.9% มาอยู่ที่ระดับ 2,246 คัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน