เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ เปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาสแรกปี 2553 พุ่งขึ้น 57% สู่ระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 74 เซนต์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 64 เซนต์ต่อหุ้น เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักทรัพย์ที่ขยายตัวแข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากตลาดการเงินที่มีเสถียรภาพ ซึ่งช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากภาวะซบเซาของอัตราการปล่อยกู้เพื่อผู้บริโภค
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับปัญหาท้าทายหลายด้าน แต่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมกำลังฟื้นตัวขึ้น พร้อมกับระบุว่าตัวเลขเงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของเจพีมอร์แกนในไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับ 2.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติที่ดีกว่าไตรมาสแรกของปีที่แล้ว
ผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาดของเจพีมอร์แกน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.)