สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งไอซ์แลนด์เปิดเผยว่า ชาวไอซ์แลนด์ส่วนมากเริ่มกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติแล้ว หลังจากที่ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งไอย์ยาฟยัลลาโยกูล (Eyjafjallajokull) บริเวณชายฝั่งทิศใต้ของไอซ์แลนด์เกิดการปะทุขึ้น จนส่งผลให้เกิดเขม่าควันฟุ้งกระจายเป็นจำนวนมากปกคลุมน่านฟ้าแถบยุโรป
"การใช้ชีวิตประจำวันของคนไอซ์แลนด์ดำเนินไปตามปกติแล้ว แม้ว่าการปะทุของภูเขาไฟจะสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อพื้นที่ที่เกิดเหตุก็ตาม" สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ระบุในแถลงการณ์ พร้อมยืนยันว่านักท่องเที่ยวที่อยู่ในไอซ์แลนด์ปลอดภัยดี และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้พวกเขาพำนักอยู่ในไอซ์แลนด์อย่างสะดวกสบายและมีความสุขที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้การปะทุครั้งนี้จะถือว่าเล็กน้อย แต่หมอกควันจากถ่านภูเขาไฟก็ฟุ้งกระจายไปทั่วและส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินนับหมื่นเที่ยวในยุโรป
"หน่วยงานด้านการบินและการท่องเที่ยวในยุโรปต้องร่วมมือกันหาทางให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยที่สุด" สภาฯ ระบุในแถลงการณ์
ขณะเดียวกันโฆษกหญิงของคณะรัฐมนตรีประเทศเนเธอแลนด์เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้องค์กรความปลอดภัยทางการบินแห่งยุโรปได้ทำการทดสอบบิน 2-3 เที่ยว เพื่อประเมินผลกระทบของถ่านภูเขาไฟที่มีต่อเครื่องยนต์ของเครื่องบิน
โดยเครื่องบินโบอิ้งของสายการบินเคแอลเอ็ม รอยัล ดัทช์ แอร์ไลน์ส ได้ออกเดินทางจากสนามบินดุสเซลดอร์ฟของเยอรมนีในคืนวันเสาร์และลงจอดอย่างปลอดภัยที่สนามบิน Schiphol ในกรุงอัมสเตอร์ดัม นอกจากนั้นยังมีการทดสอบบินอีกหลายเที่ยวทั้งในฝรั่งเศสและเบลเยียมในช่วงกลางวันของวานนี้
"เราไม่พบความผิดปกติใดๆในการทดสอบบิน" ปีเตอร์ ฮาร์ทแมน ซีอีโอของสายการบินเคแอลเอ็ม กล่าว "เราหวังว่าจะได้รับอนุญาตให้เริ่มบินได้อีกครั้งโดยเร็วที่สุด" สำนักข่าวซินหัวรายงาน