โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า บริษัทจะสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานประจำปีงบการเงิน 2552 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. 2553 ได้ หลังมีการปรับลดค่าใช้จ่ายต้นทุน ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะมีส่วนช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเรียกคืนรถทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนที่ทำให้โตโยต้าสามารถทำกำไรได้นั้นยังคงเป็นรองค่ายรถคู่แข่งในประเทศอย่างฮอนด้า และนิสสัน ซึ่งได้รุกตีตลาดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจอย่างจีนและอินเดียกันมากขึ้น
ด้านผู้บริหารของโตโยต้าเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงไปได้สวย หลังจากที่มีการปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในส่วนของบุคลากร และผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในปีที่ผ่านมา โตโยต้ามีตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานที่ 4.61 แสนล้านเยน ซึ่งนับเป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 71 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ทั่วโลก แต่โตโยต้าเชื่อว่าวิกฤตยอดขายตกต่ำหนักสุดของโตโยต้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะที่ในเดือนก.พ.โตโยต้าได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายปีงบการเงิน 2552 ขึ้นสู่ระดับ 18.5 ล้านล้านเยน พร้อมลดคาดการณ์ตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานลงเหลือ 2 หมื่นล้านเยน จากระดับ 3.50 แสนล้านเยน
นอกจากนี้ โตโยต้าเผยว่า การเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดจ์รุ่นพรีอุสในญี่ปุ่นมีกระแสตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อรถประหยัดพลังงาน ซึ่งภาวะเช่นนี้ช่วยหนุนให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ในปีงบการเงิน 2552 แม้ปัญหาการเรียกคืนรถทั่วโลกจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายราว 1.80 แสนล้านเยน