ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐ ซึ่งรวมยอขายของบริษัทผลิตรถยนต์ทุกแห่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.1% ต่อปี สู่ระดับ 1,102,899 ในเดือนพ.ค. ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
ข้อมูลของออโต้ดาต้าระบุว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐของค่ายโตโยต้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้นเพียง 6.7% สู่ระดับ 162,813 คันในเดือนพ.ค. โดยยอดขายของโตโยต้าได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่ทั่วโลก 2.21 ล้านคันตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา และระงับการขายรถยนต์รุ่นที่มีชื่อเสียง 8 รุ่น รวมถึง คัมรีและโคโรลลา เนื่องจากปัญหาคันเร่งค้าง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ยอดขายของโตโยต้ายังคงที่อันดับ 3 ในเดือนพ.ค. ขณะที่เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ยังคงครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ที่ 223,410 คัน พุ่งขึ้น 17.5% และฟอร์ด มอเตอร์ ทำยอดขายเป็นอันดับ 2 ที่ 192,012 คัน เพิ่มขึ้น 23.4%
ส่วนยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐของบริษัท ไครส์เลอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็น 1 ในค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ พุ่งขึ้น 32.7% สู่ระดับ 104,819 คัน ทั้งนี้ หากนำยอดขายรถยนต์ในกลุ่มบิ๊กทรีทั้งหมดมารวมกัน พบว่า ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.5% สู่ระดับ 520,241 คัน ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มบิ๊กทรีในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 47.2% ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 45.0%
สำหรับยอดขายของค่ายรถยนต์อื่นๆของญี่ปุ่นในสหรัฐนั้น ยอดขายของฮอนด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 19.1% สู่ระดับ 117,173 คัน ยอดขายของนิสสัน มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 24.1% สู่ระดับ 83,764 คัน ยอดขายของมาสด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 35.2% สู่ระดับ 22,605 คัน ยอดขายของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ เพิ่มขึ้น 35.1% สู่ระดับ 23,667 คัน และยอดขายของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พุ่งขึ้น 8.8% สู่ระดับ 4,737 คัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน