บริษัท นิปปอน สตีล และโตโยต้า มอเตอร์ อยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เหล็กสำหรับช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. 2553 อีก 2 หมื่นเยนต่อตัน จากระดับราคาในปีงบการเงิน 2552 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หากมีการตกลงกันได้ ก็จะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กของนิปปอน สตีล สูงขึ้นจากราคาเฉลี่ยที่ 75,400 เยนในปีงบ 52 มาอยู่ที่ใกล้ระดับ 104,700 เยนของเมื่อปีงบ 2551 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แม้มีแนวโน้มว่า โตโยต้าจะยอมรับกับการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เหล็กซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เนื่องจากราคาสินแร่เหล็กและวัตถุดิบเหล็กประเภทอื่นๆที่สูงขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา แต่บริษัทก็อยากจะให้มีการปรับขึ้นราคาน้อยที่สุด
โดยคาดว่าการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เหล็กขั้นสูงสุด จะทำให้ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 หมื่นเยนต่อคัน
ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ผลิตรถและเหล็กได้กำหนดราคาผลิตภัณฑ์เหล็กเป็นแบบรายปี อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนการกำหนดราคาวัสดุเหล็กไปเป็นรายไตรมาส ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตเหล็กเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนไปใช้ระบบการตั้งราคาแบบรายไตรมาสเช่นกัน แต่โตโยต้าปฏิเสธที่จะใช้ระบบการตั้งราคาแบบรายไตรมาส เนื่องจากเกรงว่าจะมีความผันผวนด้านต้นทุนในระยะสั้น ทางด้านนิปปอน สตีล เห็นชอบเรื่องการกำหนดราคาบนพื้นฐานระยะเวลาครึ่งปี
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างนิปปอนสตีลและโตโยต้าอาจจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาระหว่างผู้ผลิตรถและเหล็กรายอื่นๆ ขณะที่ราคาเหล็กสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือ และผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกและการก่อสร้างเองก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ความต้องการเหล็กที่สูงขึ้นในจีนเป็นอีกสาเหตุที่จะทำให้วัสดุเหล็กมีราคาสูงขึ้น