ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฟิลิปปินส์ ออกมากระตุ้นให้ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเพิ่มการลงทุนในด้านการเกษตร เพื่อแก้ปัญหาความหิวโหยที่กำลังลุกลามไปทั่วและป้องกันราคาอาหารพุ่งสูงในอนาคต
โดยธนาคารฯแนะนำว่า ประเทศกำลังพัฒนาควรเพิ่มกำลังการผลิตอาหารให้ได้สองเท่าภายในปีพ.ศ. 2593 เพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"การเพิ่มกำลังการผลิตอาหารให้ได้ตามเป้าต้องอาศัยการลงทุนด้านการเกษตรเกิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีไปจนถึงปี 2593 เฉพาะเอเชียแปซิฟิกภูมิภาคเดียวก็ต้องใช้เงินลงทุนเกือบ 1.2 แสนล้านดอลลาร์" ดร.ฌาคส์ ดิอุฟ ผู้อำนวยการทั่วไปขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวที่การประชุมการลงทุนเพื่อความมั่นคงด้านอาหารในเอเชียและแปซิฟิก
ขณะที่นายคานาโย นวานเซ ประธานกองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม (IFAD) กล่าวว่า การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรจะสำเร็จได้ด้วยการพัฒนาการบริหารพืชผล การใช้วิธีสมัยใหม่ที่มีความหลากหลาย การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในชนบทให้แข็งแกร่ง และการพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเพาะปลูก นอกจากนั้นยังต้องมีเงินทุนที่เพียงพอสำหรับการวิจัยและพัฒนาด้วย
"การสร้างความมั่นคงด้านอาหารในระดับครัวเรือน ประเทศ และภูมิภาค เป็นภาระอันหนักหน่วงมาตลอดแม้แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจดีมากก็ตาม" ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานเอดีบี กล่าว
"การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมีสมดุลของเอเชีย รวมถึงบทเรียนที่ได้รับจากวิกฤตอาหารในปี 2551 จะช่วยให้เราสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าเพื่อความมั่นคงด้านอาหารในอนาคต"
เอดีบีเปิดเผยว่า ปัจจุบันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีผู้ยากไร้มากที่สุด และเป็นภูมิภาคที่เปราะบางที่สุดเมื่อได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและปัญหาเศรษฐกิจ
"นอกจากนั้นเอเชียแปซิฟิกยังเป็นผู้ผลิตและบริโภคอาหารรายใหญ่ที่สุด เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตรที่จัดหาอาหารราคาประหยัดให้กับทั่วโลก ดังนั้นหากสามารถสร้างความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคได้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะสะท้อนต่อไปทั่วโลก"
การประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหารครั้งแรกจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาอุปสรรคเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารและหาทางข้ามผ่านอุปสรรคดังกล่าว รวมถึงโปรโมทภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร
ทั้วนี้ การประชุมครั้งนี้ร่วมกันจัดโดยธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และกองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม สำนักข่าวซินหัวรายงาน