เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า กำไรสุทธิประจำไตรมาส 2 ปีนี้ พุ่งขึ้น 76% สู่ระดับ 4.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.09 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังจากธนาคารได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองเงินกู้หนี้สูญ ทั้งในส่วนของเงินกู้บัตรเครดิตและเงินกู้เพื่อการซื้อบ้าน ลงราว 6.3 พันล้านดอลลาร์จากปีที่แล้ว
นอกจากนี้ เจพีมอร์แกนระบุว่า ธนกิจลูกค้ารายย่อย (retail banking) ทำกำไรได้ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขาดทุนสูงถึง 131 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรจากการบริการด้านบัตรเครดิตอยู่ที่ 343 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขาดทุน 303 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกนกล่าวว่า ยังไม่พอใจต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 แม้ตัวเลขที่ออกมาจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก็ตาม เนื่องจากอัตราการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้ายังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ไดมอนกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระว่า ตลาดสินเชื่อมีแนวโน้มฟื้นตัว
ธนาคารเจพีมอร์แกนเป็นธนาคารรายใหญ่แห่งแรกของสหรัฐที่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา และซิตี้กรุ๊ปจะรายงานผลประกอบการในวันพรุ่งนี้