แคททาพิลลาร์ อิงค์ (Caterpillar Inc.) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรพุ่งขึ้นถึง 91% ในไตรมาส 2 ปีนี้ หลังยอดขายอุปกรณ์ก่อสร้างสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ โครงสร้างพื้นฐาน และพลังงาน ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันบริษัทยังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรประจำปี 2553 โดยให้เหตุผลว่าได้รับออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดผลิตอุปกรณ์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี โดยดั๊ก โอเบอร์เฮลแมน ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า เศรษฐกิจโลกยังมีเรื่องให้วิตกบ้าง แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่ดี
แคททาพิลลาร์มีกำไร 707 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.09 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นจากระดับ 371 ล้านดอลลาร์ หรือ 60 เซนต์/หุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้น 31% สู่ระดับ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ยอดขายเครื่องจักรปรับตัวสูงขึ้นในทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วโลกที่บริษัททำธุรกิจอยู่ เนื่องจากดีลเลอร์ต่างซื้อสินค้าไปกักตุนมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่เศรษฐกิจโลกถดถอยเมื่อปีที่แล้ว ขณะเดียวกันต้นทุนการผลิตที่ลดลง 316 ล้านดอลลาร์ก็ช่วยให้บริษัทมีกำไรมากขึ้นด้วย
สำหรับทั้งปีนี้ แคททาพิลลาร์คาดการณ์ว่าจะมีกำไรราว 3.15 - 3.85 ดอลลาร์/หุ้น จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 2.50-3.25 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนั้นบริษัทยังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ทั้งปีเป็น 3.9 - 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์
ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก แคททาพิลลาร์เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบหนักสุด โดยบริษัทต้องปลดพนักงานหลายพันคนเนื่องจากยอดขายร่วงลงอย่างหนัก แต่ตอนนี้ธุรกิจของแคททาพิลลาร์ดีขึ้นมาก และนั่นอาจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมกำลังไปได้สวย
ธุรกิจของแคททาพิลลาร์เริ่มฟื้นขึ้นเมื่อช่วงต้นปี หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มลงทุนในโครงการก่อสร้างต่างๆ อย่างการสร้างถนน ขณะที่บริษัทเอกชนก็เริ่มใช้เงินมากขึ้น
เอเชียยังคงเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับแคททาพิลลาร์ในช่วงไตรมาส 2 โดยบริษัทมียอดขายทะยาน 62% แตะที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทเผยว่ายอดขายเครื่องจักรปรับตัวสูงขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ราคาเหล็กที่สูงขึ้นกระตุ้นให้เกิดการทำกิจกรรมเหมืองแร่ และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่สดใสขึ้น
ขณะที่ตลาดใหญ่สุดของอเมริกาเหนือมียอดขายเพิ่มขึ้น 43% โดยได้รับอิทธิพลจากการสร้างบ้านมากขึ้น การที่ภาครัฐใช้งบประมาณสร้างทางหลวงมากขึ้น รวมถึงราคาเหล็ก ถ่านหิน และไม้ที่ปรับตัวสูงขึ้น