สหภาพยุโรป (อียู) ดำเนินการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บิสิเนส แมชชีน คอร์ป (ไอบีเอ็ม) ผู้ให้บริการด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก หลังมีบริษัทอื่นร้องเรียนถึงการละเมิดข้อบังคับทางธุรกิจในตลาดคอมพิวเตอร์เมนเฟรม
คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการผูกขาดทางการค้าออกแถลงการณ์ในวันนี้ ซึ่งระบุว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะตรวจสอบข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ของไอบีเอ็ม รวมถึงกรณีที่ไอบีเอ็มเลือกปฏิบัติต่อตัวแทนจำหน่ายที่เป็นคู่แข่งของบริษัท ขณะที่ไอบีเอ็มชี้แจงว่า การที่บริษัทถูกตรวจสอบเป็นเพราะมีคู่แข่งบางรายที่ไม่สามารถชิงส่วนแบ่งในตลาดผ่านการลงทุนด้านนวัตกรรมพื้นฐานได้ จึงต้องหันไปกดดันเจ้าหน้าที่สอบสวนการทำงานของบริษัทอื่น
ด้านเจ้าหน้าที่ของอียูระบุว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตรวจสอบไอบีเอ็มก็เนื่องจากบริษัท T3 Technologies Inc ซึ่งไมโครซอฟท์เข้าไปลงทุนนั้น ได้ยื่นข้อร้องเรียนมา อย่างไรก็ตาม โฆษกของไมโครซอฟท์แย้งว่า ไมโครซอฟท์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยื่นข้อร้องเรียนกรณีไอบีเอ็ม
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ไอบีเอ็มจะเบนเข็มจากธุรกิจฮาร์ดแวร์มามุ่งดำเนินธุรกิจซอฟท์แวร์และเน้นการให้บริการด้านต่างๆ เป็นหลัก แต่ธุรกิจคอมพิวเตอร์เมนเฟรมยังคงเป็นส่วนสำคัญของบริษัท แม้ว่าธุรกิจดังกล่าวจะทำรายได้โดยตรงให้กับไอบีเอ็มได้ไม่ถึง 4% แต่ก็มีส่วนกระตุ้นยอดขายซอฟท์แวร์และบริการได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายของไอบีเอ็มเกือบ 25% และ 40% ของผลกำไรในบริษัท
ทั้งนี้ ไอบีเอ็ม เริ่มพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เมนเฟรมในยุค 40 และ 50 ซึ่งจนถึงขณะนี้ไอบีเอ็มเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ให้บริการระบบดังกล่าว โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งเปิดตัวระบบเมนเฟรมตัวใหม่ที่มีชื่อว่า zEnterprise เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพการทำงานเร็วกว่าระบบเดิมกว่า 60%