บริษัท โบอิ้ง โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐและมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองชิคาโก รายงานผลประกอบการณ์ประจำไตรมาสที่ 2 โดยระบุว่ากำไรสุทธิลดลง 21% มาอยุ่ที่ระดับ 787 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 998 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะซบเซาของธุรกิจอากาศยาน ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.06 ดอลลาร์
สำหรับรายได้โดยรวมประจำไตรมาส 2 ลดลง 9% มาอยู่ที่ 1.56 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์
โบอิ้งยังคงคาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นในปี 2553 จะอยู่ที่ 3.50 - 3.80 ดอลลาร์ และคาดว่ารายได้ในปี 2554 จะสูงกว่าที่คาดการณ์สำหรับปีนี้ที่ 6.4 - 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 และ 747-8
ทั้งนี้ นายไบรอัน เนลสัน นักวิเคราะห์จากมอนิ่งสตาร์ มองว่าโบอิ้งยังเป็นบริษัทที่น่าลงทุนในระยะยาว ถึงแม้จะมีความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดีมานด์เครื่องบินพาณิชย์ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทศวรรษที่ผ่านมา ถึงแม้ยอดการสั่งซื้อลดลงอันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม อย่างไรก็ตาม โบอิ้งยังสามารถทำกำไรได้แบบก้าวกระโดดเนื่องเนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้า เป็นอัตราสูงถึง 7 เท่าของความสามารถในการผลิตของปีปัจจุบัน