IDC ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดไอทีชื่อดังของสหรัฐ เปิดเผยผลการสำรวจในตลาดไอทีทั่วโลก พบว่า การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ไอที ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแสูงกว่าที่นักวิเคระห์คาดการณ์ไว้ แต่ตลาดยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนที่ว่าเศรษฐกิจอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงรอบสอง
นายสตีเฟน มินตัน รองประธานฝ่ายกลยุทธ์และตลาดไอที ของ IDC ระบุในแถลงการณ์ว่า "อุตสาหกรรมไอทีมีความแข็งแกร่ง เมื่อพิจารณาจากมาตรฐานทุกด้านในช่วงครึ่งแรกของปี 2553"
รายงานของ IDC ระบุว่า การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของตลาดไอทีเกิดจากที่ภาคธุรกิจและรัฐบาลเพิ่มการลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ และจากการที่ผู้บริโภคเริ่มมั่นใจในเสถียรภาพของเศรษฐกิจและตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่และอุปกรณ์อื่นๆ
จากผลการสำรวดังกล่าว IDC ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การใช้จ่ายในตลาดไอทีประจำปี 2553 เป็น 1.51 ล้านล้านดอลลาร์ หรือขยายตัว 6% เทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการคาดการบนสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนด้านไอทีเพิ่มขึ้นในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีนที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 21% ในปีนี้ ในขณะที่สหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดไอทีขนาดใหญ่ คาดว่าจะเติบโต 5% นอกจากนี้ คาดว่าการลงทุนด้านไอทีในยุโรปที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและการใช้จ่ายที่ช้ากว่าภูมิภาคอื่นๆนั้น จะขยายตัว 3%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ IDE ระมัดระวังเรื่องการมองตลาดไอทีในแง่ดีเกินไป โดยนายมินตันกล่าวว่า "ผลการสำรวจของเราบ่งชี้ว่าหลายบริษัทมีความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มในโครงการไอทีใหม่ๆ และยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่"
นายมินตันกล่าวเสริมว่า "วงจรการตัดสินใจในการลงทุนยังคงเป็นเรื่องในระยะยาว หลายองค์กรมีโครงการสำหรับ 12 เดือนข้างหน้า แต่หลายองค์กรก็มีโอกาสที่จะระงับโครงการด้วยเช่นกัน"
ทั้งนี้ IDC คาดการณ์ว่า หากเศรษฐกิจดิ่งลงในอัตราตัวเลข 2 หลัก จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวของตลาดไอทีทรงตัวในปี 2554 หรืออาจจะขยายตัวไม่เกิน 1% และจากนั้นจะค่อยๆฟื้นตัวในปี 2555 สำนักข่าวซินหัวรายงาน