อินเทล คอร์ป (Intel Corp.) ทำข้อตกลงควบรวมกิจการครั้งประวัติศาสตร์กับบริษัทแมคอาฟี อิงค์ (McAfee Inc.) ผู้ผลิตซอฟต์แวร์เพื่อความปลอดภัยในเครื่องคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกมูลค่า 7.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต
โดยอินเทลเปิดเผยว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้จะช่วยให้อินเทลสามารถยกระดับความปลอดภัยของชิพประมวลผลซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ได้ และเปิดโอกาสให้อินเทลมีช่องทางการทำรายได้ใหม่ๆ ซึ่งบริษัทจะขายซอฟท์แวร์ความปลอดภัยนี้พร้อมกับชิพรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นสำหรับใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ และรถยนต์ ในฐานะที่อินเทลเป็นบริษัทผู้ผลิตชิพประมวลผลคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอันดับหนึ่งของโลก
นอกจากนี้ อินเทลระบุว่า ซอฟท์แวร์ความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญพื้นฐานของการออนไลน์บนคอมพิวเตอร์ แต่การเข้าถึงระบบความปลอดภัยในทุกวันนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับการขยายตัวของการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์มือถือ อุปกรณ์ด้านการแพทย์ ตู้เอทีเอ็ม รถยนต์และอุปกรณ์การใช้งานอื่นๆ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมไอทีจำเป็นต้องมีซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่สามารถตอบสนองความจำเป็นในอนาคต
พอล โอเทลลินี ซีอีโอของอินเทลกล่าวว่า "ด้วยอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วของการใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้คนต้องเกี่ยวโยงกับการใช้ระบบออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในอดีต คอมพิวเตอร์ต้องการระบบการทำงานและการเชื่อมต่อที่ประหยัดพลังงาน แต่ในอนาคต ประเด็นเรื่องความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์จะเป็นส่วนสำคัญที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องการ"
อย่างไรก็ตาม อินเทลยอมรับว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอยู่บ้างเล็กน้อยในปีแรกที่มีการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท แต่เชื่อว่ารายได้ของบริษัทจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในปีถัดไปและขยายตัวได้ดีหลังจากนั้น
ทั้งนี้ อินเทล เปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสที่พุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปีเมื่อเดือนที่ผ่านมา จากอานิสงส์ของตลาดคอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่รายได้ของแมคอาฟีในปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ความเคลื่อนไหวเรื่องการควบรวมกิจการระหว่างอินเทลและแมคอาฟีได้ช่วยหนุนให้หุ้นแมคอาฟีทะยานขึ้น 57% ในระหว่างการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 ส.ค.) ขณะที่หุ้นอินเทลปรับตัวลดลง 3.2%