บริษัทน้ำมันบีพีของอังกฤษเปิดเผยรายงานการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon เกิดระเบิดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยบีพีและอีกหลายบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องอ้างว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตคนงานไป 11 คน และทำให้เกิดน้ำมันรั่วไหลครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
บีพีระบุในรายงานที่ได้จากการสืบสวนนาน 4 เดือนว่า "การตัดสินใจหลายครั้งของหลายบริษัทและหลายทีมงาน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องและซับซ้อนทั้งในเรื่องของเครื่องจักร การตัดสินใจของบุคลากร การออกแบบทางวิศวกรรม การปฏิบัติงาน รวมถึงการประสานงานของทีมงาน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุในที่สุด"
โดยรายงานอ้างถึงการใช้ซีเมนต์ผิดชนิด รวมถึงอุปกรณ์ที่เรียกว่า shoe track barrier ซึ่งไม่สามารถสกัดสารไฮโดรคาร์บอนให้อยู่ภายในบ่อน้ำมันได้อย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ก๊าซและของเหลวไหลขึ้นไปบนท่อกรุเตรียมผลิต (production casing)
รายงานดังกล่าวยังระบุว่าคนงานของบีพีและทรานส์โอเชี่ยนยอมรับผลทดสอบแรงดันที่เป็นลบทั้งที่ไม่ควรยอมรับ โดยตลอดระยะเวลา 40 นาที คนงานของทรานส์โอเชี่ยนไม่ได้ตระหนักว่ามีไฮโดรคาร์บอนรั่วซึม กว่าจะรู้ตัวไฮโดรคาร์บอนก็ไหลขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็วแล้ว
หลังจากที่น้ำมันไหลมาถึงแท่นขุดเจาะได้มีการใช้เครื่องแยกโคลน-ก๊าซ (mud-gas separator) ส่งผลให้ก๊าซถูกปล่อยออกมาสู่แท่นขุดเจาะโดยตรงแทนที่จะเบี่ยงออกไปนอกแท่นขุดเจาะและลงทะเล ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจทำให้เกิดการลุกไหม้ซึ่งระบบไฟและก๊าซของแท่นขุดเจาะไม่สามารถป้องกันได้
นอกจากนั้นรายงานยังยืนยันว่าระบบป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันใต้ทะเลไม่ทำงานระหว่างเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเป็นเพราะส่วนประกอบสำคัญบางส่วนไม่ทำงาน
"หลักฐานบ่งชี้ว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะหลายปัจจัยที่ซับซ้อนและต่อเนื่องกัน มากกว่าที่จะเกิดจากความผิดพลาดหรือความล้มเหลวเพียงครั้งเดียว หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงบีพี ฮัลลิเบอร์ตัน และทรานส์โอเชียน ต่างมีส่วนทั้งสิ้น" โทนี่ เฮย์เวิร์ด ซีอีโอของบีพีที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง กล่าว
ทั้งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon เกิดระเบิดขึ้นนอกชายฝั่งลุยเซียนาเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้คนงานเสียชีวิต 11 คน และทำให้น้ำมันหลายล้านแกลลอนรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก สำนักข่าวซินหัวรายงาน