ผอ.IEA ชี้จีนมีบทบาทสำคัญในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โลก

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 16, 2010 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโนบุโอะ ทานากะ ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวว่า ความพยายามของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทั่วโลกบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2593

นายทานากะเป็นผู้นำเสนอรายงานมุมมองเทคโนโลยีด้านพลังงาน 2553 (Energy Technology Perspective 2010) ซึ่งกล่าวถึงวิธีการต่างๆ ในการใช้เทคโนโยลีคาร์บอนต่ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่งจากปี 2548 ภายในปี 2593

ในรายงานดังกล่าว IEA ยังทำการประเมินต้นทุนและประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ รวมถึงมาตรการต่างๆ ในการแก้ปัญหาทางเทคนิคและนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมาย

รายงานฉบับนี้ยังมีการรวบรวมบทวิเคราะห์ของประเทศสมาชิก OECD ยุโรป, สหรัฐอเมริกา, จีน และ อินเดีย เป็นครั้งแรก ซึ่งประเทศเหล่านี้ใช้พลังงานพื้นฐานรวมกัน 56% ของทั้งโลก นอกจากนั้นยังให้คำแนะนำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีความเหมาะสมตามแต่ละภูมิภาค

นายทานะกะกล่าวว่า จีนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานโลก โดยการที่จีนพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยีด้านพลังงานมีอิทธิพลโดยตรงต่อตลาดพลังงานโลก

"หากปราศจากความร่วมมือจากจีน เราคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่งจากปี 2548 ภายในปี 2593" เขากล่าว

เขายังกล่าวกับซินหัวด้วยว่า จีนจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญด้านพลังงานในแง่ของถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซ นิวเคลียร์ และพลังงานทดแทน และยุทธศาสตร์การลงทุนด้านพลังงานของจีนจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดพลังงานโลกรวมถึงแนวโน้มการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

เมื่อถูกถามเรื่องการสร้างความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศอื่นๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน นายทานากะตอบว่า "เราประสานงานกับจีนอย่างใกล้ชิดในเรื่องพลังงาน เทคโนโลยี และตลาด แต่เราต้องพัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันยิ่งกว่านี้ในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น"

นายทานากะเชื่อว่าจีนมีศักยภาพมหาศาลในการแสดงกระบวนทัศน์สีเขียว (green paradigm) แบบใหม่ อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการสร้างบ้าน รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน

"ดังนั้นหากจีนไม่สนใจในนโยบายพลังงานและนโยบายเพื่อความยั่งยืน เราก็ไม่สามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้" นายทานากะ กล่าว

ทั้งนี้ IEA ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2514 มีสำนักงานใหญ่ในปารีส และมี 27 ประเทศสมาชิก เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลซึ่งอุทิศตนให้กับการป้องกันการเปลี่ยนแปลงซัพพลายน้ำมันอย่างผิดปกติ รวมถึงให้ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับตลาดน้ำมันโลกและพลังงานอื่นๆ สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ