ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐ ซึ่งรวมยอดขายของบริษัทผลิตรถยนต์ทุกแห่ง พุ่งขึ้น 28.5% ในเดือนก.ย.ปีนี้ แตะระดับ 958,966 คัน เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับเดือนส.ค.แล้ว ยอดขายรถยนต์ใหม่เดือนก.ย.ร่วงลงเกือบ 40,000 คัน มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 ล้านคัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์สหรัฐยังคงชะลอตัวลง อันเนื่องมากจากความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจ
เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ยังคงครองตำแหน่งค่ายรถยนต์ที่มียอดขายมากเป็นอันดับ 1 ในตลาดสหรัฐ โดยในเดือนก.ย.ปีนี้ จีเอ็มมียอดขายพุ่งขึ้น 11.5% แตะที่ 173,031 คัน และมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์สหรัฐมากเป็นอันดับ 1 ที่ระดับ 18%
รองลงมาคือฟอร์ด มอเตอร์ ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 46.4% แตะที่ 160,375 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 16.7% และอันดับ 3 คือค่ายโตโยต้า มอเตอร์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 16.8% แตะที่ 147,162 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 15.3% ขณะที่ยอดขายของไครสเลอร์ แอลแอลซี เพิ่มขึ้น 60.9% แตะที่ 100,077 คัน
หากคำนวณยอดขายรถยนต์ในกลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ (จีเอ็ม-ฟอร์ด-ไครสเลอร์) รวมกันพบว่า ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.6% แตะที่ 433,483 คัน ทำให้กลุ่มบิ๊กทรีกวาดส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในสหรัฐได้ถึง 45.2% ในเดือนก.ย.ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 43.8%
สำหรับค่ายรถยนต์อื่นๆของญี่ปุ่นนั้น ฮอนด้า มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 26.1% แตะที่ 97,361 คัน ขณะที่ยอดขายของนิสสัน มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 34.0% แตะที่ 74,205 คัน ยอดขายของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ พุ่งขึ้น 46.9% แตะที่ 21,432 คัน ยอดขายของมาสด้า มอเตอร์เพิ่มขึ้น 30.5% แตะที่ 18,580 คัน และยอดขายของมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 5.3% แตะที่ 4,961 คัน
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ป ร่วงลง 11.8% แตะที่ 1,641 คัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน