ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันและโลหะที่สูงขึ้นและช่วยหนุนหุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขจ้างงานที่สูงขึ้นกว่าคาดการณ์ของออสเตรเลีย
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,661.09 จุด ลดลง 30.34 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,996.73 จุด บวก 116.32 จุด ส่วนดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,481.59 จุด บวก 1.98 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,901.20 จุด ลดลง 2.75 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,304.91 จุด บวก 20.88 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,689.80 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,187.96 ลบ 2.11 จุด
ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (7 ต.ค.) เนื่องในวันหยุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.2% แตะ 130.34 จุด เมื่อเวลา 10.06 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บวก 1% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ขณะที่หุ้นมิตซูบิชิ คอร์ป บวก 0.8% ในตลาดหุ้นโตเกียว หุ้นมิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป บวก 1.6% หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ อ่อนตัวลงหลังจากที่ได้รายงานตัวเลขกำไรที่ต่ำกว่าคาดการณ์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสุงสุดระดับใหม่อีกครั้งเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) เพราะได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง นอกจากนี้ รายงานที่ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานลงเป็นจำนวนมากในเดือนก.ย.ยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,347.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,340-1,351 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลจากรายงานที่ว่าภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลงอย่างหนักในเดือนก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 41 เซนต์ ปิดที่ 83.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 82.29- 84.09
สำนักงานสถิติออสเตรเลียรายงานว่า บริษัทเอกชนในออสเตรเลียเพิ่มการจ้างงาน 49,500 รายในเดือนก.ย.จากระดับเดือนที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์