นายกรัณย์พล อัศวสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สอง ซึ่งมีโครงข่ายเป็นของตนเอง เปิดเผยว่า 6 เดือนแรกของปี 53 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการให้เช่าวงจรจำนวน 260.34 ล้านบาท เติบโต 10.46% จากช่วงเดียวกันของปี 52
ทั้งนี้ หลังจากลูกค้าเดิมเข้ามาใช้บริการ รวมถึงมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ร้อยละ 70.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ส่งผลให้ในงวดดังกล่าวบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 100.77 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 35.53
ทั้งรายได้และกำไรจะพบว่าบริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 50 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการให้เช่าวงจรจำนวน 156.48 เพิ่มขึ้นเป็น 425.89 ล้านบาทในปี 51 และเพิ่มขึ้นเป็น 481.01 ล้านบาทในปี 52 ส่วนครึ่งแรกของปี 53 อยู่ที่ 260.34 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิก็เติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกัน ในปี 50 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 74.51 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 184.85 ล้านบาท ในปี 51 จากนั้นได้ขยายตัวเป็น 192.24 ล้านบาทในปี 52 ส่วนในครึ่งแรกของปี 53 เราทำได้ 100.77 ล้านบาท
แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในครึ่งปีหลังยังมีทิศทางที่ดี โดยคาดว่ายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายรายได้จากการให้บริการให้เช่าวงจรเติบโตต่อเนื่องทั้งในส่วน Metro Ethernet และ Ready Ethernet แม้ไม่มีเรื่องเทคโนโลยี 3G เข้ามาเกี่ยวข้อง บริษัทฯ มีแผนขยายโครงข่ายพื้นที่บริการไปยังเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นพื้นที่บริการพิเศษที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทที่มีโรงงานตั้งในนิคมอุตสาหกรรมและกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมพัฒนาระบบโครงข่ายใยแก้วนำแสงตามอาคารสำนักงาน (Ready Ethernet) ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมากขึ้น โดยได้ติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงตามอาคารสำนักงานชั้นนำแล้วจำนวน 28 อาคาร และอยู่ระหว่างวางแผนเจรจากับเจ้าของอาคารสำนักงานอื่นๆ อีกหลายอาคารเพื่อให้มีพื้นที่บริการครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคตจากการที่บริษัทฯ ขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดอื่นๆ เช่น Digital Broadcast, Private Network ที่การแข่งขันยังมีไม่สูงมากนักในขณะที่ความต้องการโครงข่ายวงจรสื่อสารความเร็วสูงยังมีอยู่ค่อนข้างสูง
บริษัทตั้งเป้าหมายให้บริการกับกลุ่มลูกค้าบริษัทข้ามชาติในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคกลางและภาคตะวันออก โดยจะดำเนินติดตั้งโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ 11 นิคมอุตสาหกรรมภายในปี 56 เป็นผู้นำโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงตามอาคารสำนักงาน (Ready Ethernet) โดยจะติดตั้งระบบโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงภายในพื้นที่อาคารสำนักงานชั้นนำในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 150 อาคารภายในปี 56 และมีเป้าหมายในการขยายพื้นที่บริการ Metro Ethernet ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้บริการของลูกค้ากลุ่มบริษัทหรือนิติบุคคล ในเขตกรุงเทพฯ ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ80 ภายในปี 56
ส่วนการเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของทุนชำระแล้วภายหลังเสนอขายหุ้น โดยจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 3 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่พนักงานของบริษัทฯ ขณะที่หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 72 ล้านหุ้น บริษัทฯ จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)