นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยหลังการประชุมประจำไตรมาสกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.)ว่า ก.ล.ต. แจ้งให้สมาคมทราบถึงแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) เพื่อขจัดอุปสรรคและขยายขอบเขตการลงทุนให้สามารถทำได้กว้างขวางขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในภาคธุรกิจมีการพัฒนาและเติบโต เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ
เนื่องจาก VC เป็นธุรกิจที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หลักเกณฑ์เรื่องนี้เดิมจึงจำกัดประเภทธุรกิจที่ VC จะลงทุนได้ว่าต้องเป็น SMEs ที่มีลักษณะตามที่กำหนดเท่านั้น และยังกำหนดเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการลงทุนและการถอนเงินลงทุนไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ธุรกิจ VC ในประเทศไทยไม่เติบโตเท่าที่ควร
ทั้งนี้ หลักการที่ ก.ล.ต. แจ้งให้สมาคมทราบในวันนี้ได้ผ่านการหารือกับกรมสรรพากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้ว โดยต่อไปบริษัทจัดการร่วมลงทุน (บลท.) ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ VC จะขยายขอบเขตการลงทุนได้กว้างขวางมากขึ้น (ขยายเป็น Private Equity (PE))
หาก VC ลงทุนในกิจการที่รัฐสนับสนุนเกินกว่า 70% VC จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งในเบื้องต้นได้วางแนวสำหรับกิจการที่รัฐสนับสนุนไว้ ได้แก่ เป็นธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานและอยู่ในประเภทอุตสาหกรรมที่ภาครัฐต้องการสนับสนุนโดยกองทุนต้องขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. ภายในปี 57 มีขนาดกองทุนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท และจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่เกิน 10 ปี เป็นต้น