นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวในงานสัมมนา"ขี่กระทิงทะลุ 1000 จุด"ว่า ดัชนีหุ้นไทยจะไปถึง 1,000 จุดภายในปีนี้ได้ จะต้องมาจากปัจจัยผลักดัน คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาดี โดยคาดว่าปีนี้น่าจะเติบโต 15-18% และปี 54 โต 15% ส่วนปัจจัยที่ 2 คือ สภาพคล่อง โดยเฉพาะจากเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ซึ่งในรอบนี้เข้ามาแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท และแนวโน้มยังไหลเข้าต่อ ถึงสิ้นปีน่าจะสูงขึ้นเป็น 6-7 หมื่นล้านบาท
"เป็นไปได้มากกว่า 50% ที่ดัชนีจะขึ้นไปที่ 1000 จุด ปีนี้น่าจะมีโอกาสได้เห็นเพราะเหลืออีกแค่ 2% เอง หรือประมาณ 20 จุด แต่ปัจจัยที่จะเปลี่ยนระหว่างทางก็มี"นายสุกิจ กล่าว
นายสุกิจ กล่าวว่า ปัจจัยภายนอกที่สำคัญ คือ การที่ทางการสหรัฐฯระบุว่าจะเข้ามาอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบรอบ 2 ขณะที่ญี่ปุ่นเองก็เพิ่งดำเนินการไป และปัจจัยบ้านเราที่เป็นตัวเร่ง คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากทั้ง 2 ปัจจัยเกิดขึ้น ก็จะทำให้เป็นไปได้ที่ดัชนี SET จะเคลื่อนขึ้นไปถึง 1,000 จุดด้วยอิทธิพลเม็ดเงิน
"หุ้นขึ้นแรงเพราะต้นเดือน พ.ย.เฟดจะประชุมอาจมีมาตรการ QE รอบ 2 แต่ยังไม่รู้วงเงินจะเป็นเท่าไร แต่น่าจะน้อยกว่าเดิม หรือประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งก็จะทำให้มีเงินส่วนเกินเข้ามาในระบบ หุ้นก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้อีก"นายสุกิจ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางเมื่อดัชนี SET สูงกว่า 990 จุดอาจจะเกิดความผันผวน เพราะคนอยากขายก็จะขาย คนอยากซื้อก็ต้องซื้อ เพราะสภาพคล่องยังมีและน่าจะมีการเทรดดิ้งไปก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรอดูด้วยว่าทางการจะออกมามาตรการสกัดการแข็งค่าของเงินบาทหรือไม่ และจะเป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบรุนแรงหรือไม่อย่างไร ซึ่งเชื่อว่าหากมีการออกมาตรการก็คงจะใช้จากเบาไปหาหนัก
"สิ่งที่เป็นห่วงคือนโยบายการดูแลค่าเงินของเอเชียรวมทั้งไทยด้วย ซึ่งเชื่อว่าเงินบาทที่แข็งค่าและเงินเอเชียที่แข็งแก้ยาก เสี่ยงที่จะแก้แต่ก็ต้องแก้ และเป็นเรื่องการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นอะไรที่ยาก เสี่ยงก็ถือเป็นความไม่แน่นอน"นายสุกิจ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้ก่อนไปถึง 1,000 จุดคาดว่าตลาดจะผันผวนมาก ควรจะมีการปรับพอร์ตลงทุน โดยช่วงสั้นกำหนดจุด stop loss และเลือกหุ้นที่ราคาไม่แพงแต่ปันผลดีรองรับ เช่น PS AP QH กลุ่มขนส่ง เช่น RCL และ THAI แม้ปันผลอาจจะไม่ดีแต่ราคาไม่แพง ส่วนกลุ่มเกษตร เช่น TVO จ่ายปันผลดี
ด้านการลงทุนในทองคำยังน่าสนใจ เพราะมองว่าอีก 1 เดือนข้างหน้าค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงอีก 10% เทียบจากปัจจุบัน ส่งผลให้แนวโน้มราคาทองคำปรับขึ้นได้อีก มองเป็นแนวโน้มเป็นขาขึ้น แต่ปริมาณการขึ้นตอบยาก ซึ่งตอนนี้ราคาขึ้นมา 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์แล้ว ค่าเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหลัก
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนี SET ที่ระดับ 1,000 จุดน่าจะได้เห็นภายในไตรมาส 4/53 ซึ่งเป็นระดับที่ประเมินในเบื้องต้น แต่โดยส่วนตัวมองถึง 1,045 จุด ซึ่งต้องรอดูก่อนว่าเป็นไปตามประมาณการแรกหรือไม่
กลยุทธ์การลงทุนหากขึ้นไปถึง 1,000 จุด แนะเป็น"เทรดดิ้ง"การปรับพอร์ตของนักลงทุนให้เล่นรอบจะดีกว่าหากเห็นการปรับขึ้นต่อ เพราะปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยสะท้อนภาพเศรษฐกิจดีและผลประกอบการบจ.ที่ออกมาดีไปแล้ว และหากตลาดหุ้นนิกเคอิและวอลล์สตรีทปรับขึ้นเงินอาจไหลออกไปบ้าง เพราะอาจจะเห็นการปรับพอร์ตของต่างชาติ ถ้าขึ้นเกิน 1000 จุดก็จะไซด์เวย์แล้ว
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทยอันดับ 1 ให้น้ำหนักเรื่องการเมือง แต่ขณะนี้การเมืองไทยถือว่ามีพัฒนาการไปในทางที่ดี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็เข้าใจการเมืองไทย และอันดับ 2 คือ ทิศทางค่าเงินหากผันผวนจะทำให้เศรษฐกิจเราผันผวนตาม