ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 19.07 จุด ขณะนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 8, 2010 06:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานแม้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานประจำเดือนก.ย.ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นอีก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 19.07 จุด หรือ 0.2% ปิดที่ 10,948.58 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.91 จุด หรือ 0.2% ปิดที่ 1,158.06 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 3.01 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 2,383.67 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 915 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 1 ต่อ 1

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน ท่ามกลางกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ต.ค.ร่วงลง 11,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐลดการจ้างงานลง 39,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่เพิ่มการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าภาคเอกชนจะเพิ่มการจ้างงาน 24,000 ตำแหน่ง

การเปิดเผยข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานรายสัปดาห์มีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดตัวเลขจ้างงานจะทรงตัวในเดือนก.ย. หลังจากลดลง 54,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะอยู่ที่ 9.7% เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 9.6%

โจเซฟ สติกลิทซ์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ แต่ก็ช้าเกินกว่าที่จะกระตุ้นการจ้างงานให้เพิ่มขึ้นจนเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงอาจจะกลายเป็นสถานการณ์ที่ปกติในสหรัฐในไม่ช้านี้

หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้แรงหนุนหลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ รวมถึงเมซี อิงค์, อะเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ และลิมิตเต็ด แบรนด์ อิงค์ รายงานยอดขายรายเดือนที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ไม่ให้ปรับตัวลงมากเกินไป โดยหุ้นลิมิเต็ด แบรนด์ ปิดบวก 3.8% หุ้นอะเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ปิดพุ่ง 8.9% และหุ้นเมซี อิงค์ ปิดบวก 15 เซนต์ แตะที่ 23.85 ดอลลร์

บริษัท เป๊ปซี่ อิงค์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นหลังจากเป๊ปซี่ได้เข้าซื้อบริษัทผลิตขวดน้ำอัดลมรายใหญ่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่หุ้นเป๊ปซี่ร่วงลง 3% เนื่องจากตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ