นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีการรับทราบผลการดำเนินงานไตรมาส 3/53 (ก.ค.-ก.ย.) โดยอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (cabin factor) อยู่ที่ 74.88% สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1.30%
ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารได้รายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่มีนายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธานการประชุมในวันนี้เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานเดือน ก.ย.53 บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตผู้โดยสาร สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 3.79% ส่วนปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 2.50% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 73.43%
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/53 (ก.ค.-ก.ย.53 ) บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตผู้โดยสาร (ASK) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.78% และสูงกว่าไตรมาสก่อน 4.87% โดยมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.13% สูงกว่าไตรมาสก่อน 21.61% และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 74.88%
ด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ในเดือน ก.ย.53 มีปริมาณการผลิตพัสดุภัณฑ์ สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 21.05% และมีปริมาณการขนส่งสินค้าสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 28.42% สูงกว่าเดือน ส.ค. 1.24% มีอัตราการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ 62.40% สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 6.09% และสูงกว่าเดือน ส.ค.53 อยู่ที่ 3.32%
ขณะที่ไตรมาส 3/53 บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตพัสดุภัณฑ์ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 20.16% มีปริมาณการขนส่งสินค้าสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 36.87% และมีอัตราการบรรทุกสินค้าเฉลี่ยร้อยละ 61.35 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 13.91
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขผู้โดยสารทั้งจากในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และไม่กระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีทั้งรายได้และหนี้สินทั้งสกุลเงินดอลล่าร์และยูโร ซึ่งหากจะเกิดผลกระทบก็คงเป็นผลกระทบทางบัญชีเท่านั้นในส่วนของการขาดทุนด้านอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจะมีส่วนช่วงการส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยเพิ่มขึ้น
ส่วนการจัดตั้งไทเกอร์ แอร์เวย์ นั้นบริษัทยังคงเดินหน้าจัดตั้งบริษัทเพราะมั่นใจว่าการดำเนินการทุกอย่างของบริษัทเป็นไปตามกรอบกฎหมายมหาชน กฎหมายกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งขณะนี้ยังคงเป้าหมายการเปิดให้บริการในเดือน มี.ค.54 โดยยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาโครงสร้างและรายละเอียดบริษัทร่วมทุนดังกล่าว
และยังคงเดินหน้าการซื้อหุ้น 10% ในสายการบินนกแอร์จากธนาคารกรุงไทย(KTB)ในราคาหุ้นละ 13 บาท ซึ่งรวมเป็นเงิน 65 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นที่ KTB เสนอมาที่ 40 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินเกือบ 200 ล้านบาท บริษัท เห็นว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินไปไม่คุ้มค่ากับการลงทุน