บล.ฟาร์อีสท์ ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำหุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)คาดว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 3Q53 แข็งแกร่ง ส่วนปี 2554 จะเติบโตต่อเนื่อง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 2553 โดยมีราคาเป้าหมาย 204 บาท
ด้าน บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ทยอยสะสม"หุ้น PTTEP ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยคาดว่าสัปดาห์นี้ NYMEX มีโอกาสขึ้นไปทดสอบและทะลุแนว US$85/barrel ได้ ด้วยค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และการเก็งกำไรต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ของเฟด
ส่วนกรณีความเสียหายของออสเตรเลียจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในมอนทารานั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกปัญหาและราคาหุ้น PTTEP
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q53 ของ PTTEP คาดว่าจะเติบโตทั้ง qoq และ yoy โดยประเมิน กำไรสุทธิ 11,565 ล้านบาท หรือ 3.49 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 120% yoy และ 9% qoq จากการบันทึกเงินประกันชดเชยจากโครงการ Montara ก่อนภาษีอีกประมาณ 44 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท, อัตราภาษีที่ลดลงจาก 44% เหลือ 38% และผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกประมาณ 1.4 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมไตรมาสนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 17% yoy และ 4% qoq เป็น 274,191 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน จากโครงการ MTJDA (PTTEP ถือหุ้น 50%) ที่จำหน่ายก๊าซเพิ่มขึ้นเป็น 280 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จาก 250 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันในไตรมาส 2/53 และการกลับมาผลิตเป็นปกติของโครงการอาทิตย์เหนือ (PTTEP ถือ 100%) กำลังการผลิต 120 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ที่หยุดซ่อมบำรุงไปเดือนครึ่งในไตรมาส 2/53 ราคาจำหน่ายปิโตรเลียมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% yoy (-2% qoq) เป็น 45.24 เหรียญ/บาร์เรล ตามราคาปิโตรเลียมที่ปรับเพิ่มขึ้นมาในไตรมาสนี้ และคาดว่าบริษัทจะไม่มีการตัดจำหน่ายหลุมแห้ง
ล่าสุด 8 ต.ค.53 ราคาหุ้น PTTEP ปิดที่ 164.50 บาท ลดลง 2 บาท(-1.20%)มูลค่าซื้อขาย 1,863.87 ล้านบาท