แหล่งข่าวจากบล.ภัทร (PHATRA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า กลุ่มตระกูลมาลีนนท์ได้ข้อสรุปในการขายหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์( BEC) จำนวน 111 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 34 บาท/หุ้น รวมเป็นมูลค่าประมาณ 3.8 พันล้านบาท โดยกลุ่มผู้ซื้อเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งลูกค้าส่วนบุคคลของ PHATRA โดยเป็นการเสนอซื้อแบบ Overnight Book Building
อย่างไรก็ตาม หลังการขายหุ้นจำนวนนี้ออกไป กลุ่มตระกูลมาลีนนท์ ยังคงกุมอำนาจบริหารจัดการใน BEC และยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่เกิน 51%
"จำนวนหุ้นที่ตัดขายเป็นหุ้นที่ตระกูลถืออยู่ ไม่เกี่ยวกับบริษัท เงินที่ได้น่าจะเป็นการเอาไปใช้ส่วนตัวมากกว่าเกี่ยวเนื่องการลงทุนในบริษัท"แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง วานนี้ แหล่งข่าวจาก บล.ภัทร เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ตระกูลมาลีนนท์ได้มอบหมายให้บริษัทเป็นทึ่ปรึกษาในการเสนอขายหุ้น BEC จำนวนประมาณ 100 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
"case นี้ภัทรเป็นที่ปรึกษาในการขายหุ้นของกลุ่มตระกูลมาลีนนท์จริง ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำรายการผ่านตลาด เหมือนกับ case ของ PS ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการขายแบบ book building overnight" แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง กรณีของ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)ทีขายหุ้นให้กับกองทุนฮ่องกงและสิงคโปร์ จำนวน 130 ล้านหุ้น ในราคา 23 บาท มูลค่าราว 3 พันล้านบาทเมื่อเดือน ส.ค.53 เป็นการเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัดด้วยวิธีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์และประมูลราคากับนักลงทุนสถาบันจากฮ่องกงและสิงคโปร์แบบข้ามคืน(Overnight Book Building)
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุด นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการ BEC ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ใน BEC จำนวน 228,400,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 11.42 % แต่หากรวมตระกูลมาลีนนท์ จะถือหุ้นใน BEC ประมาณ 56.61%