(เพิ่มเติม) BCP คาดค่าการกลั่นปี 54 ที่ 5-6 เหรียญฯใกล้เคียงปีนี้,บาทแช็งกระทบกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 12, 2010 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) คาดว่า ในปี 54 ค่าการกลั่นจะอยู่ระดับ 5-6 เหรียญ/บาร์เรล ใกล้เคียงกับปี 53 เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นได้รับผลดีจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ความต้องการการใช้น้ำมันในตลาดโลกจะเติบต่อเนื่อง และยังเชื่อว่าจะดีต่อไปในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าด้วย

สำหรับปีนี้ BCP คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม(EBITDA)อยู่ที่ 5.5-6.0 พันล้านบาท ยังไม่รวมสต็อกน้ำมัน และในช่วง 5 ปีคาดว่า EBITDA จะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนที่ค่าเงินบาทแข็งค่า กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อกำไร เพราะบริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงกลั่นเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และสัดส่วนรายได้จากูธุรกิจโรงกลั่นสูงถึง 70% โดยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาทจะมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท

"ทุก 1 บาทที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากำไรสุทธิจะหายไป 100 ล้านบาท โดยถ้าเงินบาทอยู่ที่ 29-30 บาท บริษัทได้รัรบผลกระทบบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เชือ่ว่า ภาครัฐน่าจะมีมาตรการช่วยเหลือค่าเงินบาทไม่ให้ต่ำกว่า 30 บาท/ดอลลาร์ "นายอนุสรณ์ กล่าว

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า(ปี 53-57)ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในธุรกิจพลังงานทดแทน ได้แก่ ธุรกิจพลังงานลม และ พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนั้น ยังจะใช้เพื่อลงทุนปรับปรุงคุณภาพน้ำมันในธุรกิจโรงกลั่น

ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย.54 บริษัทจะปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 30 วันเพื่อเปลี่ยนระบบการผลิตน้ำมัน โดยจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตน้ำมันอากาศยานสูงกว่า 20% จากปัจจุบันที่ 10% และลดสัดส่วนการผลิตดีเซลจาก 50% ให้เหลือ 40% หากโครงการแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มรายได้ใหั้กับบริษัท เนื่องจากราคาน้ำมันอากาศยานดีกว่าดีเซล

ขณะที่โครงการโซล่าร์ฟาร์มในต้นปีหน้า บริษัทมีแผนขยายโซล่าร์ฟาร์มอีก 80 เมกะวัตต์ แต่เป็นการทยอยลงทุนภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เงินลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินกู้และการออกหุ้นกู้ ซึ่งมองเป็นแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจหลังจากบริษัท ทริส เรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท จาก BBB+ เป็น A- ฉะนั้น บริษัทจึงมีแผนจะขออนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไว้ก่อน เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการระดมทุน

นอกจากนี้ บริษัทสนใจศึกษาโครงการนำสาหร่ายมาสกัดเป็นน้ำมันซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากออสเตรเลีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและทำโครงการนำร่องที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยูธยา หากโครงการนี้ดำเนินการได้ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัท และจะต่อยอดธุรกิจได้

ล่าสุด วันนี้ BCP ลงนามในสัญญาเงินกู้ระยะยาว 15 ปี กับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชัย (ADB) จำนวนเงิน 4.2 พันล้านบาท โดยจะนำไปลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 38 เมกะวัตต์ ที่บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือน ต.ค. 54 เบื้องต้นจะทำให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 700 ล้านบาท/ปี นับจากปี 55

"ADB ต้องการสนับสนุนด้านกาเรงินให้กับบริษัทที่สนใจลงทุนด้านพลังงานทดแทน ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจของบริษัทที่ต้องการขยายต่อเนื่อง โดยคาดว่าในระยะ 3-5 ปี บริษัทจะมีการขยายการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์กว่า 120 เมกะวัตต์"นายอนุสรณ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ