นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอสวีโอเอ (SVOA) ตาดว่าในปี 53 บริษัทจะมีกำไรสุทธิตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 150-200 ล้านบาท และ มั่นใจว่ารายได้ทั้งปี 53 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10% จากปีก่อน
ส่วนรายได้ในไตรมาส 3/53 คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าไตรมาส 1/53 และไตรมาส 2/53 แต่จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้มีการส่งมอบงานที่ประมูลได้มาก แต่ในไตรมาส 3 มีจำนวนน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/53 รายได้น่าจะกลับมาดีกว่าไตรมาส 3/53 เพราะผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด และยอดขายกลุ่มลูกค้ารายย่อยดีขึ้น
"ไตรมาส 4 สิ่งที่จะดันยอดขายคือพวก consumer และเศรษฐกิจฟื้น บางคนอั้นไว้มาซื้อในไตรมาส 4 เพราะมีโปรโมชั่นปิดปลายปี ก็คิดว่ายอดขายน่าจะปรับตัวขึ้นกว่าไตรมาส 3 "นายวีระ กล่าว
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/53 บริษัทยังรอลุ้นโอกาสที่จะเข้าประมูลงานโครงการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สปฐ.)มูลค่าประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท ซึ่งกำลังรอกระทรวงศึกษาธิการประกาศวันเปิดประมูล
"งานประมูลราชการวันนี้ยังสู้ได้บ้าง เพราะขึ้นอยู่กับสเปกของหน่วยงานที่กำหนด เชือ่ว่าเรายังมีศักยภาพ" นายวีระ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ SVOA กล่าวว่า บริษัทยังพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นของสินค้าฮาร์ดแวร์ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 10% เพราะมีการแข่งขันด้านราคาสูง โดยลดค่าใช้จ่าด้านการบริหารลง
ขณะนี้สินค้ากุล่มคอมพิวเตอร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้นทำให้การแข่งขันในปัจจุบันยิ่งสูงขึ้น โดยบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทำให้สินค้าของบริษัทที่ผลิตในประเทศต้องมีความแตกต่างและมี value added มากขึ้น ได้แก่ โน้ตบุ๊ค ที่มีฟังก์ชั่นให้กับผู้บริโภคในการใช้งานมากขึ้นกว่าสินค้านำเข้า คาดว่าจะเปิดตัวในปลายพ.ย.นี้
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนลูกค้ารายย่อย มากกว่า ลูกค้าองค์กร โดยมีช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด สัดส่วน 55% และ อีก 45% ผ่านดีลเลอร์และงานประมูลราชการ
ขณะเดียวกันบริษัทจะหันมาทำธุรกิจให้บริการกับลูกค้าองค์กรมากขึ้น เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในปีนี้รายได้จากการให้บริการเป็นปีแรก ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 5% และเห็นว่ารายได้ประเภทนี้แทบไม่ค่อยมีต้นทุนมาก จะช่วยให้มีกำไรดีขึ้น ฉะนั้น ในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการ เป็น 10% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ มองว่าอุตสาหกรรมไอทีในปี 53 มีอัตราการเติบโต 15-20%