นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ บมจ.จีสตีล(GSTEEL)เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่โครงการแลกเปลี่ยนหุ้นกู้(Bonds Exchange program)ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทจำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างหนี้ มีโอกาสสำเร็จสูง และน่าจะได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 8 พ.ย.53 หลังจากที่บริษัทได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้ประโยชน์กับผู้ถือหุ้นกู้อย่างมาก
ทั้งนี้ สาระสำคัญที่บริษัทได้ปรับเงื่อนไขให้ผู้ถือหุ้นกู้สามารถแลกเปลี่ยนหุ้นกู้จำนวน 65% ของเงินต้นเดิมของหุ้นกู้ที่ถืออยู่ ให้เป็นหุ้นสามัญใหม่ จากเงื่อนไขเดิมกำหนดไว้ที่ 50% ซึ่งจะทำให้หุ้น GSTEEL เกิด dilution ในครั้งนี้ประมาณ 15-18%
และเมื่อโครงการแลกเปลี่ยนหุ้นกู้เสร็จสิ้น ก็จะทำให้สถานะการเงินบริษัทแข็งแรงขึ้น และมีสภาพคล่องดีขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดเหลือประมาณ 1 เท่าจาก 1.5 เท่าในปัจจุบัน และจะทำให้มูลค่าทางบัญชี(BV)ของบริษัทเพิ่มมาเป็นประมาณ 1 บาท จาก 0.79 บาทในปัจจุบัน
"แนวโน้มแก้ได้อยู่แล้ว คนถือบอนด์ซื้อได้ถูก โปรแกรมแรก 50% แต่ผู้ถือหุ้นต้องการเพิ่มเพราะเขารู้ว่าหุ้นจะดี คุยกับ FA ก็ยอม เพื่อให้เกิดความสำเร็จ ตัวนี้ได้รับการแก้ไข ก็จะทำให้เราแข็งแรง ปีหน้าธุรกิจยิ่งดีขึ้น แน่นอนได้ 2 เด้ง...bond holder ก็ happy ได้หุ้นมากขึ้น หุ้นมี upside gaine เพราะต่อไปก็ไม่มีหนี้อะไรแล้ว"นายสมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรัยว่า ไม่แน่ใจว่ากำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ตามหุ้นกู้จำนวนประมาณ 1.8 พันล้านบาทจะบันทึกเป็นกำไรได้ทันภายในสิ้นปี 53 หรือไม่ และเมื่อบริษัทสามารถแก้ปัญหาการเงินได้แล้ว หลังจากนั้นถึงจะเจรจากับพันธมิตรอีกหลายราย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหากับซัพพลายเออร์รายใหญ่จากญี่ปุ่น 3 ราย รวมเป็นเงิน 1 หมื่นล้านบาท จากที่บริษัทประสบวิกฤติเมื่อปี 51 เนื่องจากราคาเหล็กผันผวนนั้น ขณะนี้ซัพพลายเออร์ทั้ง 3 รายยอมยืดอายุหนี้การค้าออกไปอีก 7-8 ปี เพราะเห็นว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย อีกทั้งบริษัทเป็นลูกค้ามานาน ซึ่งการยืดหนี้การค้าดังกล่าว จะทำให้บริษัทมีสภาพคล่อง และบริษัทสามารถนำเข้าเศษเหล็กท่ามกลางภาวะเงินบาทแข็งได้ประโยชน์อีก
ประกอบกับ การผลิตของโรงงาน 2 แห่ง คือ โรงงานของ GSTEEL และ โรงงาน บมจ.จีเจเสตีล (GJS) ซึ่งผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันประมาณ 3.3 ล้านตัน/ปี ขณะนี้ได้ทยอยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตเป็น 60-70% แล้วจากช่วงครี่งปีแรกอยู่ที่เพียง 30-40%%
"ที่ผ่านมาเตี้ยสุดแล้ว 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ไตรมาส 3 เริ่มค่อยๆดีขึ้น...ตอนนี้เกือบเข้าสู่ภาวะเกือบปกติ เพราะตอนนี้กำลังการผลิตเริ่มใช้มากขึ้น พอได้รับการแก้ไขชัดเจน เจ้าหนี้ซัพพลายเออร์ 3 รายใหญ่ เลื่อนชำระหนี้ได้ เจ้าอื่นเล็กๆก็คุยได้" นายสมศักดิ์ กล่าว
อนึ่ง GSTEEL ได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ใหม่วันที่ 8 พ.ย.53 หลังจากยกเลิกการประชุมครั้งก่อนเนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม โดยการประชุมในครั้งนี้จะต้องมีผู้ถือหุ้นกู้เข้าร่วมจำนวนไม่น้อยกว่า 50% และรอบนี้ได้ข้อเสนอการแลกเปลี่ยนหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมให้กับผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทฯ พิจารณา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติการแก้ไขเงื่อนไขของหุ้นกู้ บริษัทฯ จะสามารถลดภาระหนี้สินรวมได้จำนวนประมาณ 5,200 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากผู้ถือหุ้นกู้แลกเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญจำนวน 110.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (65% ของเงินต้นเดิมจำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐ) และการปรับลดเงินต้นจำนวน 35.75 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ยค้างจ่ายสะสมที่ยกเลิกจำนวน 26.775 ล้านเหรียญสหรัฐ