"จรัมพร"ไม่เชื่อเก็บภาษีลงทุนหุ้นสกัดบาทแข็ง,ร่วมคณะคลังโรดโชว์ลอนดอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 18, 2010 12:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าทางการจะใช้มาตรการเก็บภาษีเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในหุ้น เพื่อเป็นมาตรการสกัดเงินบาทแข็งค่า เนื่องจากตลาดหุ้นไม่ใช่ประเด็นที่เงินลงทุนจะไหลเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงิน แต่น่าจะเป็นตลาดพันธบัตรมากกว่า เพราะเงินที่ไหลเข้ามาใกล้เคียงกับตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดพันธบัตร

"ไม่เคยได้ยิน เชื่อว่าทางการไม่เอาเรื่องนี้เข้ามา ไม่เคยมีการสกัดกั้นอะไรที่ตลาดหุ้น จะต้องดูข้อมูลให้ถ่องแท้ว่าอะไรที่ทำให้บาทแข็ง เป็นเรื่องพันธบัตรมากกว่า คงไม่ได้หวัง yield แค่ 2-3% แต่ต้องการผลตอบแทนจากค่าเงินมากกว่า"นายจรัมพร กล่าว

สำหรับมาตรการที่ทางการนำมาใช้เพื่อดูแลและลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทในขณะนี้นั้น นายจรัมพร กล่าวว่า มาตรการของทางการไทยถือว่าเป็นบวก และไม่ได้แตกต่างกับที่ประเทศอื่น ๆ ดำเนินการ

นายจรัมพร กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยสามารถเทียบเคียงกับประเทศอื่น ๆ ได้ ค่าพีอีตอนนี้ 15 เท่าสูงเท่ากับตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่ง ตลท.จะร่วมกับทางเมอริล ลินช์ เตรียมนำบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ 10 บริษัท เดินทางนำเสนอข้อมูลการลงทุน(โรดโชว์) ร่วมกับคณะของ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังที่จะไปโรดโชว์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค.53

จุดเด่นของตลาดหุ้นไทยที่จะนำไปโรดโชว์ เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตลาดหุ้นไทยกลับสู่ความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก หลังจากก่อนหน้านี้ถูกปรับลดเป็นตลาดที่ไม่น่าสนใจ โดยจะเห็นว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ปรับขึ้นมาถึง 4 หมื่นล้านบาท/วัน เริ่มเข้าใกล้เคียงตลาดหุ้นสิงคโปร์

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีขึ้น ตัวเลขทางเศรษฐกิจทุกด้านดีขึ้น ขณะที่ผลประกอบบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ปรับดีขึ้นมานานแล้ว แต่นักลงทุนเพิ่งหันมาให้ความสนใจ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นดีตาม

"สภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยสูงขึ้นดีมากถ้าเทียบสิงคโปร์ จากปกติจะมีวอลุ่มซื้อขายสูงกว่าบ้านเราเท่าตัว แต่ตอนนี้ของเรามีวอลุ่มใกล้เคียงแล้ว"นายจรัมพร กล่าว

หลังการโรดโชว์จากลอนดอนแล้ว ควรจะมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระดับที่เหมาะสมกับพื้นฐานที่รองรับ ไม่ต้องการให้เข้ามาลงทุนมากจนเกิดภาวะฟองสบู่ และไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะนำมาตรการเก็บภาษี 3% จากลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าตามข้อเสนอบางฝ่าย

นายจรัมพร กล่าวว่า ปีนี้มูลค่าหุ้น IPO น่าจะทำได้ 1 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย จากขณะนี้อยู่ที่ 88,000 ล้านบาท โดยยังมีบริษัทที่เตรียมกระจายหุ้น IPO อีกกว่า 10 บริษัทที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ช่วงปลายปี 53 และต้นปีหน้า มีทั้งยื่นไฟลิ่งแล้วและเตรียมยื่นไฟลิ่ง ซึ่ง ตลท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ หุ้น IPO ที่ขายไปแล้ว 88,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม(มาร์เก็ตแค็ป)ของตลาดหุ้นไทยขยายตัวเป็น 180,000 ล้านบาท หลังจากมูลค่าหุ้น IPO ที่ปรับเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม มองว่าบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการระดมทุนเพื่อขยายการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้คงมีไม่มาก เนื่องจากบริษัทมีฐานะการเงินดีอยู่แล้ว แต่เห็นว่าช่วงนี้ที่ P/E ตลาดสูง อาจเป็นจังหวะที่ดีเหมาะแก่การระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และจะทำให้บริษัทขยายตัวแบบก้าวกระโดดได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ