นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น(TWZ)กล่าวว่า การที่กลุ่มตระกูลรังคสิริ ซึ่งประกอบด้วยนางปิยะนุชและนางสาวทิพภากร รังคสิริ ขายหุ้น TWZ ออกมารวม 297 ล้านหุ้น และส่วนตัวขายใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญของ TWZ อีก 192 ล้านหน่วย เป็นการลดสัดส่วนหุ้นในกลุ่มลง เพื่อเปิดทางให้พันธมิตรได้มีโอกาสเข้ามาร่วมถือหุ้น เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับลงมาในระดับที่ทางพันธมิตรเริ่มให้ความสนใจแล้ว
การหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทถือเป็นแผนเดิมที่บริษัทต้องการมีผู้เข้ามาช่วยต่อยอดในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจากับพันธมิตรที่สนใจจะเข้ามาร่วมทุนสองราย เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศจีนและใต้หวัน ซึ่งพันธมิตรทั้งสองรายมีความสนใจมากขึ้นจากการหารือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมา และเป็นราคาที่ผู้ร่วมทุนยอมรับได้ โดยคาดว่าจะสามารถจบการเจรจาได้ในเร็วๆนี้
“ก่อนหน้านี้ผมได้คุยกับเขาแล้ว แต่ก็ไม่จบเพราะราคาสูงเกินไป 1 บาท P/E 20 กว่าเท่า แต่ตอนนี้ราคาปรับลดลงมาอยุ่ที่ 60-67 สตางค์ จึงไม่น่าจะยาก ส่วนหุ้นที่ตัวผมถืออยู่ 30% ผมไม่ขายแน่นอน เพราะยังต้องการที่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่และเพียงพอในการบริหารจัดการ ส่วนหุ้นที่ขายครั้งนี้เป็นของภรรยาผมที่อยากจะออกไปทำธุรกิจอื่น"นายพุทธชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเปิดทางให้พันธมิตรเข้ามาร่วมถือหุ้น เป็นการช่วยเสริมธุรกิจ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และการพัฒนาสินค้า เพราะธุรกิจมือถือมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง และยังเป็นการรองรับกับ 3G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่ก่อนหน้านี้การประมูล 3G ต้องเลื่อนออกไปยอมรับว่าส่งผลกระทบในการวางแผนการดำเนินธุรกิจและสินค้า แต่ตอนนี้ได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยการนำรุ่น 2G เข้ามาทดแทน แต่มีฟังก์ชั่นที่มากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงนี้ไปก่อน
นายพุทธชาติ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาหุ้นปรับลดลงมา ก็มีนักลงทุนโทรศัพท์เข้ามาถามถึงเรื่องผู้ถือหุ้นขายหุ้นออก แต่ในมุมมองของตนเองเห็นว่าราคาในระดับปัจจุบันน่าสนใจ คือ 0.50-0.60 บาท/หุ้น เพราะอยู่ที่ PE 9 เท่า ต่ำกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่ 10 เท่ากว่า
"หลังจากราคาหุ้นที่ลงมา ถ้าใครที่สนใจจะเข้ามาลงทุนก็น่าสนใจ จากก่อนหน้านี้ที่เคยดีลไว้ใกล้จบแต่ยังไม่จบเพราะช่วงนั้นราคาอาจจะแพงเกินไปตอนนี้ก็คิดว่าราคาเหมาะสมแล้ว ถ้าได้พันธมิตรก็ดี" นายพุทธชาติ กล่าว
เมื่อเวลา 16.13 น.ราคาหุ้น TWZ ปรับลดลง 8.62% มาที่ 0.53 บาท/หุ้น ลดง 0.05 บาท
สำหรับผลประกอบการของ TW ในปีนี้ รายได้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 3,600 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนหรืออาจดีกว่านิดหน่อย เนื่องจากอัตรากำไรใกล้เคียงเมื่อปีก่อน เพราะราคาขายเครื่องโทรศัพท์เฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาท/เครื่อง เนื่องจากเทคโนโลยี 3G ไม่มาตามนัก
นายพุทธชาติ กล่าวว่า เดิมคาดว่า 3G จะมา แต่ตอนนี้ไม่มาแล้ว ก็เหลือแต่ 2G เหมือนเดิม จึงคาดว่าค่าเฉลี่ยราคาขายตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือจะอยู่ที่ 2 พันบาทต่อเครื่อง แต่แนวโน้มจะไม่ลดลง เพราะเราไม่เล่น low-end แต่จะเน้นเอา 3-4 พันบาทต่อเครื่องมาผสมเพื่อให้ค่าเฉลี่ยราคาขายที่ 2 พันบาทต่อเครื่องให้ได้ โดยปีนี้ตั้งเป้าขายเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ 1.5 ล้านเครื่อง
"รายได้รวมปีนี้ตามเป้า คงหายไปบ้างเพราะ 3G หายไปจากประมาณการ อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้หาโปรดักส์ใหม่เข้ามาก็น่าจะทดแทนได้เป็นสินค้าโปรดักส์ใหม่ แต่เทคโนโลยีเดิม ขณะที่ไอโฟนก็นำเข้ามาจำหน่ายแล้วเนื่องจากเป็นสินค้าไฮเอนด์น่าจะเพิ่มรายได้เพราะราคาสูงแต่ไม่ใช่สินค้าแบรนด์ของเรามาร์จินอาจจะปกติ"นายพุทธชาติ กล่าว
ขณะที่รายได้ในช่วงไตรมาส 3/53 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/53 หรืออาจจะชะลอเล็กน้อยแต่ไม่น่ามีอะไรเป็นลบ ส่วนรายได้ในช่วงไตรมาส 4/53 แนวโน้มน่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ
"ไตรมาส 4 แนวโน้มน่าจะดีเพราะภาวะเศรษฐกิจ การเมืองนิ่ง ผู้บริโภคหยุดชะลอการซื้อแล้ว และชัดเจนแล้วว่า 3G เลื่อนออกไป เพราะฉะนั้นคนที่เครื่องหมดอายุ ก็จะซื้อ 2G ไปก่อน" นายพุทธชาติ กล่าว