นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในปี 53 ไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทได้มีการนำเข้าปิโตรเคมีบางส่วน ซึ่งช่วยลดผลกระทบได้บางส่วน
"SCG ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า แต่น่าจะกระทบกำไรไม่มาก ถ้าบาทอ่อนกว่านี้เราจะมีกำไรดีกว่านี้" นายกานต์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทจะมีการปรับลดต้นทุน เพื่อให้ช่วยพยุงผลประกอบการได้ในอีกด้านหนึ่ง โดยขณะนี้ต้นทุนด้านพลังงานมีการปรับสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ประกอบกับ ต้นทุนถ่านหินเริ่มปรับสูงขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกเครือ SCC มีสัดส่วนการส่งออกสินค้ามูลค่าเพิ่มขึ้น(ECO VALUE) เป็นสัดส่วน 29% ของยอดขาย จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 25% ทำให้บริษัทไม่ต้องแข่งขันด้านราคามากนัก และคาดว่าภายในปี 53 สัดส่วนสินค้า ECO VALUE จะเพิ่มเป็นกว่า 30%
นายกานต์ กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าไม่เฉพาะไทย แต่ค่าเงินในภูมิภาคแข็งค่าเช่นกัน เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปอ่อนแอ แต่เชื่อว่าเงินทุนไหลเข้าในภูมิภาคยังมีอยู่ แต่ก็เริ่มน้อยลงแล้ว
ทั้งนี้ จากการที่บริษัทได้มีการโรดโชว์ที่บอสตัน และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนด้วยดี
"นักลงทุนเมื่อรู้ว่าเราอยุ่ใน DJSI เขาก็ยินดีที่จะเข้าลงทุน เพราะบางกองทุนที่ไม่ใช่ เฮดจ์ฟันด์ ต้องการเข้าลงทุนบริษัทที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน เขายังบอกว่า เขายังเสียดายว่าเขาลงทุนไม่ทัน"นายกานต์ กล่าว
นายกานต์ ยังกล่าวว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาได้ตั้งงบประมาณ ในการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม 1 พันล้านบาท และ CSR ประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทไมได้คำนึงถึงผลตอบแทน(Return) และแนวโน้มเชื่อว่างบประมาณไม่ต่ำไปกว่านี้มีแต่จะปรับเพิ่มมากขึ้น
"เรามีงบประมาณ 5 พันล้านบาท ในการปรับปรุง productivity ซึ่งใน 1 พันล้านบาทเป็นส่วนหนึ่ง เรื่องนี้เราไม่มีการวัด IRR ไม่มี Return investment แต่ความต้องการที่จะเป็นคนดีและถ่ายทอดออกไปข้างนอก"นายกานต์ กล่าว
ล่าสุด SCG ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอย่างยั้งยืนอันดับ 1 ของโลก หรือ Supersector Leader ในกลุ่มก่อสร้างและวัสดุ ประจำปี 53 โดย Dow Jones Sustainability Indexes (DJSI) จากกบริษัทได้รับการประเมินอยู่ในระดับ Gold Class กลุ่ม Building Materais &Fixtures 3 ปีติดต่อ(ปี 51-53) ซึ่งถือว่า SCG เป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้รับเชิญและผ่านการประเมินให้เข้าเป็นสมาชิกใน DJSI
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายภายในปี 2015(ปี พ.ศ.2558) SCG ต้องการเป็น ASEAN Business Leader ที่เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมาเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน