ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของซิตี้กรุ๊ป และข่าวการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมการบริหารจัดการสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากภาวะการซื้อขายถูกกดดันจากการร่วงลงหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 39.15 จุด หรือ 0.69% แตะที่ 5,742.52 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,670.07 - 5,748.81 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนหลังจากซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 พุ่งขึ้นแตะระดับกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทำกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากยอดการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้าซิตี้กรุ๊ปปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานะทางการเงินของซิตี้กรุ๊ปอาจกลับสู่ภาวะปกติในไม่ช้านี้
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของซิตี้กรุ๊ปช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดปิดพุ่ง 1.1% หุ้นธนาคาร HSBC ปิดบวก 1.8% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สปิดพุ่ง 2.5% และหุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิ้งปิดบวก 2.9%
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดขยับขึ้นเพียง 0.6% ขณะที่หุ้นริโอ ทินโต ปิดร่วง 1.5% หลังจากมีรายงานว่า ริโอ ทินโต และบีเอชพี บิลลิตัน ยกเลิกแผนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อผลิตสินแร่เหล็กในออสเตรเลีย หลังจากที่หน่วยงานด้านการกำกับดูแลด้านการแข่งขันและบริษัทเหล็กรายอื่นๆได้ออกมาคัดค้านแผนการร่วมทุนดังกล่าว
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของอังกฤษ (CEBR) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 1 แสนล้านปอนด์ (1.60 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ไปจนถึงช่วงปลายปี 2555 เป็นอย่างน้อย
นอกจากนี้ CEBR คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 จะขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งบ่งชี้ว่ามีโอกาสเกือบ 50% ที่เศรษฐกิจจะหดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว