นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมฯจะจัดส่งแบบสอบถามความเห็นไปให้กับนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์สมาชิก 36 บริษัทในสัปดาห์หน้า เพื่อทำการสำรวจในรอบใหม่ เนื่องจากขณะนี้ปัจจัยต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากการสำรวจครั้งก่อน เพื่อประเมินมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาท รวมไปถึงสถานการณ์เงินทุนไหลเข้า และแนวโน้มในอนาคต
ทั้งนี้ เพื่อประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ รวมถึงหุ้นที่แนะนำซื้อ หรือหุ้นที่แนะนำขายหากดัชนีไปถึง 1,000 จุด
นายสมบัติ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้เติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ ทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลทะลักเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐกดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการที่จะใช้มาตรการผ่อนปรนเชิงปริมาณ (QE)ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาอีก
"คาดว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์สมาชิก ตอบกลับมาอย่างน้อย 20 บริษัท ตลาดช่วงนี้ trend เป็นอย่างไร และคิดว่าสถานการณ์การเมืองเป็นอย่างไร บาทแข็งเกินไปหรือยัง อยากจะเสนออะไร" นายสมบัติ กล่าว
การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังไม่ผ่านระดับ 1,000 จุดนั้น นายสมบัติ กล่าวว่า มาจาก 3 ปัจจัย คือ 1.เนื่องจาก 1,000 จุดเป็นตัวเลข 4 หลัก ซึ่งเป็นตัวเลขทางจิตวิทยา 2. มีเหตุการณ์ที่บุคคลสำคัญในวงการเศรษฐกิจออกมาให้ความเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับการสกัด ป้องปราม เงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งทำให้นักเก็งกำไรจับตาดูภาครัฐในช่วง 2-3 วันนี้ว่าจะออกมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น ข้อเสนอให้มีการเก็บภาษีเงินทุนไหลเข้า ส่งผลทำให้เงินบาทเริ่มทรงตัว
3. การจับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในพรุ่งนี้ (20 ต.ค.53) ซึ่งหาก ธปท.คงดอกเบี้ยนโยบาย จะทำให้การเก็งกำไรค่าเงินบาทอาจจะชะงักไป 2 สัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นชะลอตัวไปด้วย ดัชนี SET ก็อาจจะถึง 1,000 จุดช้ากว่าเดิม แต่หากขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จะทำให้เงินบาทแข็งค่าต่อจากเงินเก็งกำไรที่เข้ามาต่อเนื่อง
นายสมบัติ แสดงความเห็นถึงการแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าว่า หากรัฐบาลต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าลง ควรจะมีมาตรการระยะ 2-3 ตามมา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนตลาดหุ้นนั้น หากเงินบาทอ่อนค่า ก็น่าจะทำให้ดัชนีชะลอลง ซึ่งเงินบาทและดัชนีตลาดหุ้นจะมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน