นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศทั้งดาวโจนส์และตลาดภูมิภาค หลังจากได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางจีนมีการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของจีนนับตั้งแต่ปี 2550
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราคงต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในช่วงบ่ายว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ซึ่งหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็คงส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากจะได้รับประโยชน์โดยตรง แต่ถ้าไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็คงมีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมาบ้าง แต่ทั้งนี้มองว่าภาพรวมก็ยังสามารถเข้าซื้อได้อยู่ เพราะแนวโน้มผลประกอบการน่าจะออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับสินเชื่อยังเป็นขาขึ้นอยู่
นอกจากนี้ ควรติดตามการประกาศตัวเลขการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะชะลอตัวลงจากเดือนที่แล้วแต่ภาพรวมยังอยู่ในทิศทางที่ดี
พร้อมให้แนวรับ 975-980 จุด แนวต้าน 990-995 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(19 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,978.62 จุด ลดลง 165.07 จุด(-1.48%)เอส
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 785.12 บาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 79.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3.59
- ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% มีผลบังคับใช้ในวันพุธที่ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของจีนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 โดยแบงก์ชาติจีนระบุในแถลงการณ์เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 2.25% เป็น 2.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีจะเพิ่มขึ้นจาก 5.31% เป็น 5.56%
- ธนาคารโลกปรับประมาณการจีดีพีปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 7.5% จากเดิม 6.1% หลังสัญญาณการใช้จ่ายผู้บริโภคพุ่งสวนทางสถานการณ์บ้านเมือง แต่ปีหน้าจีดีพีจะชะลอลง ระบุปัญหาเงินทุนไหลเข้าเป็นความท้าทายของผู้กำหนดนโยบายมองทิศทางบาทยังคงแข็งค่า แนะรัฐใช้มาตรการคุมเงินไหลเข้าเป็นด่านสุดท้าย
- เวิลด์แบงก์หนุนไทยเปิดเสรี ขนเงินลงทุนนอกบ้าน สกัดราคาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมขึ้นเร็ว รับมือทุนนอกไหลเข้า ชี้ ลดดอกเบี้ยไม่ช่วยเบรกเงินไหลเข้า ส่วนมาตรการ "ควบคุม" ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย เหตุให้ผลเสียมากกว่า “แบงก์ชาติ” รอประเมินผลมาตรการก่อนตัดสินใจว่าจะออกใช้เพิ่มหรือไม่ ส่วน"เกาหลีใต้"เตรียมมาตรการคุมเงินทุน
- รมว.คลัง เผย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบราคาสินค้าที่ควรปรับลดลงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับคนรายได้น้อย อาทิ ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมี รวมถึงสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
- สมาคมนักวิเคราะห์ เล็งสำรวจความเห็นโบรกเกอร์ปลายเดือนต.ค. นี้ คาดส่วนใหญ่ปรับเป้าดัชนีปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 จุด แนะจับตามองผลการประชุม กนง.วันนี้ หากคงดอกเบี้ยจะชะลอการแข็งค่าเงินได้ระยะหนึ่ง
- ครม.ลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 15% เป็นเวลา 5 ปี ให้ต่างชาติที่จัดตั้งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าในไทย
- ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และอดีตผู้ว่าการ ธปท. เผยมาตรการของกระทรวงการคลังและ ธปท.ที่ออกมาเพื่อดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปนั้นเพียงพอที่จะดูแลการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติได้