ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (12) หรือ Beige Book ที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวในระดับปานกลาง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลประกอบการที่สดใสของโบอิ้ง, เดลต้า แอร์ไลน์ส และมอร์แกน สแตนลีย์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 129.35 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 11,107.97 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 12.27 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 1,178.17 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 20.44 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 2,457.39 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและ Nasdaq อยู่ที่ 8.58 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับรายงาน Beige Book ของเฟดที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวในระดับปานกลาง โดยกิจกรรมด้านการผลิตในเกือบทุกเขตมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของปริมาณการผลิตและยอดสั่งซื้อในภาคการผลิต
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงฟื้นตัว แต่ผู้บริโภคยังคงอ่อนไหวต่อราคาสินค้าและเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นที่สุด ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในเกือบทุกเขตยังคงอ่อนแอ โดยมีรายงานว่ายอดขายที่อยู่อาศัยในปีนี้ยังต่ำกว่าปีที่แล้ว นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากแรงกดดันด้านราคาและต้นทุนแรงงานยังคงอยู่ในกรอบที่จำกัด
นักลงทุนคาดว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อยู่ในกรอบจำกัดอาจทำให้เฟดยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงอ่อนแอจะเป็นข้อมูลล่าสุดที่สนับสนุนให้เฟดตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมต้นเดือนหน้านี้ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวได้ฉุดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย
หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2553 ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ปิดพุ่งกว่า 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 19% เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารปรับตัวสูงขึ้น และหุ้นยูเอส แอร์เวย์ส ปิดพุ่งขึ้น 7.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกัน
หุ้นยาฮูปิดพุ่ง 2% หลังจากบริษัทมีกำไรสุทธิทะยานขึ้น 113% ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะ 396 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่คอนเฟอเรนซ์บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ