นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งสหรัฐฯและภูมิภาค แต่การปรับขึ้นในวันนี้คงไม่มากนัก เพราะตลาดฯกำลังรอปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน เนื่องจากมองว่าเรื่องการคงอัตราดอกเบี้ยของกนง.เมื่อวานนี้และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของจีนนั้นไม่มีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนมากนักเพราะค่อนข้างรับรู้กันไปมากแล้ว
"การลงทุนในวันนี้ตลาดฯยังคงมีความผันผวน ถ้าปรับขึ้นก็คงไม่ได้มาก คงจะต้องรอดูปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนตลาด แต่กลุ่มที่ยังสามารถลงทุนได้คือกลุ่มแบงก์และพลังงาน แต่ให้เลือกเป็นรายตัว และอาจเห็นการเลือกหุ้นเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นรายตัว"นายอนุพนธ์ กล่าว
ทั้งนี้ได้แนะให้ติดตามทิศทางค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าต่อเนื่องหลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง โดยทางภาครัฐก็ยังไม่ได้มีนโยบายในการเข้ามาแทรกแซงจึงมองว่าค่าเงินบาทยังเป็นประเด็นที่ยังคงต้องติดตามต่อไป รวมถึงการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ (จี 20)ในสัปดาห์ ที่อาจจะทำให้ตลาดฯมีความผันผวนได้ เนื่องจากเป็นการประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
พร้อมให้แนวรับ 985-980 จุด แนวต้าน 995 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(20 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,107.97 จุด เพิ่มขึ้น 129.35 จุด(+1.18%)เอส
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,051.34 บาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 81.77 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.28 ดอลลาร์หรือ 2.87%
- ธปท.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% รอประเมินผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและความเสี่ยงตลาดการเงินโลกที่เพิ่มขึ้น พร้อมยืนยันทิศทางยังเป็นขาขึ้น เหตุดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบไม่เหมาะกับเศรษฐกิจที่เติบโต ด้าน "โอฬาร ไชยประวัติ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี แนะคลังงัด พ.ร.บ.เงินตรา ออกประกาศกระทรวงการคลังกำหนดค่าเงินบาท 29-31 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า แก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง
- กรมสรรพากร เผยอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางจัดเก็บภาษีเงินทุนไหลเข้า เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดการทุนไหลเข้ารุนแรงในอนาคต แนะภาครัฐแก้ปัญหาตรงจุด เหตุบาทแข็งมีภาคธุรกิจที่ได้ประโยชน์ถึง 40% หวั่นยอดส่งออกลด กระทบจัดเก็บรายได้
- "พาณิชย์" โชว์ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. โตสวนทางบาทแข็ง ระบุว่า มูลค่ารูปเงินดอลลาร์สหรัฐทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 18,062 ล้านดอลลาร์ พุ่ง 21% คำนวณเงินบาทหาย 7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอด 9 เดือน โต 31% ผวาเงินบาทแข็งต่อเนื่อง ฉุดส่งออกไตรมาสสุดท้าย ขณะที่เอกชนเตือนเดือนหน้าผลกระทบค่าเงินบาทแรง
- เอสแอนด์พีจ่อปรับเครดิตไทยขึ้นสู่ระดับA- หลังตัวเลขเศรษฐกิจทุกด้านปรับตัวดีขึ้น ทั้งการส่งออก เงินสำรองระหว่างประเทศ ดุลการชำระเงิน การไหลเข้าของเงินทุน
- ยอดหนี้สาธารณะคงค้างเดือน ก.ค.2553 มีมูลค่ากว่า 4.2 ล้านล้านบาท หรือ 42.51% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนกว่า 4.9 หมื่นล้านบาท สาเหตุเกิดจากการออกพันธบัตรชดเชยการขาดดุลงบ และพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ รวมทั้งโครงการไทยเข้มแข็ง ดันยอดหนี้พุ่ง 5 หมื่นล้าน ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 300 ล้านบาท ขณะที่หน่วยงานอื่นไม่มีหนี้คงค้าง