ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 38.60 จุด แตะที่ 11,146.57 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.09 จุด ปิดที่ 1,180.26 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.28 จุด ปิดที่ 2,459.67 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ต.ค.ลดลง 23,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 452,000 ราย ซึ่งปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย
ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
อย่างไรก็ตาม เคน โกลด์สเตน นักวิเคราะห์ของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด กล่าวว่า "เป็นเวลากว่า 1 ปีหลังจากมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐได้สิ้นสุดลง แต่เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและยังไม่สามารถขยายตัวได้ดีเท่าที่ควร ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่ปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆสะท้อนให้เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะยังคงทรงตัวไปจนถึงช่วงวันหยุดปลายปีนี้ หรืออาจจะถึงต้นปีหน้า"
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทสหรัฐ โดยแมคโดนัลด์เปิดเผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นกว่า 1% หรือ 1.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น ช่วยหนุนราคาหุ้นแมคโดนัลด์ปิดบวกกว่า 1% ขณะที่แคทเทอร์พิลลาร์เผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์ต่อหุ้น และยูพีเอสรายงานว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 93 เซนต์ต่อหุ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน โดยเมื่อวานนี้ ทางการจีนเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัว 9.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดค้าปลีกในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.พุ่งขึ้น 18.3% แตะระดับ 1.1 หมื่นล้านหยวน