STEC คาดมาร์จิ้นปีนี้สูงสุดรอบ 5ปี,เป้าปีหน้าหางานใหม่ 2.4-2.8หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 22, 2010 15:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้น(gross profit margin)เฉลี่ยในปี 53 จะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 10.4% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 5 ปี เป็นการปรับตัวดีขึ้นมาตามลำดับหลังจากอัตรากำไรของบริษัทติดลบในปี 49 จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลดำเนินงานขาดทุนในปีดังกล่าว

ดังนั้น บริษัทจึงเชื่อว่าในปีนี้กำไรสุทธิจะสูงขึ้นจากปีก่อน และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลสูงขึ้นด้วย ภายใต้คาดการณ์การรับรู้รายได้เพียง 8 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากก่อนหน้านี้งานใหม่เข้ามาล่าช้า โดยเฉพาะงานภาครัฐที่หายไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะรับรู้รายได้ราว 4 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกรับรู้รายได้ไปแล้ว 4 พันล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/53 รายได้น่าจะจะสูงกว่าในไตรมาส 3/53 จากงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ)ที่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้จะรับรู้รายได้โครงการดังกล่าวเพียง 1 พันล้านบาท รวมทั้ง ยังรับรู้รายได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 3 โรง จาก 7 โรงที่บริษัทเพิ่งได้รับงาน มูลค่ารวม 6 พันล้านบาท

"รายได้ปีนี้จะ bottom แล้ว จาก Backlog เดิมที่ไม่ได้มีเข้ามาช่วง 3 ปี แต่ปัจจุบัน Backlog เรามีอยู่ 4.1 หมื่นล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และเรายังมีโอกาสได้งานขนาดใหญ่อีก ส่วน gross profit margin เชื่อว่า maintain ได้ในระดับที่น่าพอใจ น่าจะอยู่ระดับเดียวกับไตรมาส 2/53 แต่ปีต่อไปจะ slightly drop"นายวรพันธ์ กล่าว

นายวรพันธ์ กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีงานใหม่เข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง ตั้งแต่ระดับ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานก่อสร้างอาคาร หรืออาจจะมีเข้ามาสูงจนถึง 6 พันล้านบาท หากได้รับงานด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานเข้ามาเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทมีงานที่รอเซ็นสัญญาแล้ว 1.64 หมี่นล้านบาท เป็นงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 1.25 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในเดือน พ.ย.นี้ , งานก่อสร้างอาคารศาลฎีกา 2.36 พันล้านบาท และอีก 3 งาน ส่วนงานในมือ(Backlog)ปัจจุบันอยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ 1.2-1.4 หมื่นล้านบาทในปี 54 และในปี 55 จะรับรู้รายได้ 1.5-1.7 หมื่นล้านบาท

นายวรพันธ์ ยอมรับว่า ในปีหน้าอัตรากำไรชั้นต้นจะลดลงมาเหลือประมาณ 8% เพราะมีงานภาครัฐเข้ามามากเป็นสัดส่วน 70% โดยส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง คาดว่ารับรู้รายได้ 4 พันล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน แต่เชื่อว่าในปี 55 อัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาเติบโต จากงานภาคเอกชน โดยเฉพาะงานโรงไฟฟ้าที่มีมาร์จิ้นดี

*ปี 54 ตั้งเป้างานใหม่เข้า 2.4-2.8 หมื่นลบ.ผลักดันให้รายได้โตต่อเนื่อง

นายวรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีงานใหม่เข้ามาแต่ละปีต้องมี 2 เท่าของเป้าหมายการรับรู้รายได้ในแต่ละปี โดยปี 54 คาดว่าจะมีงานใหม่เข้ามา 2.4-2.8 หมื่นล้านบาท จากรายได้รับที่จะรับรู้ 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ งานที่บริษัทเตรียมร่วมประมูล ได้แก่ งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนช่วงบางซื่อ-รังสิต ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) จะเปิดให้ประมูลงานโยธา สัญญา 1 มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท และ สัญญาที่ 2 มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนสัญญาที่ 3 ซึ่งานวางรางและตัวรถไฟฟ้า คาดว่าจะเปิดประมูลปีหน้า

นายวรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทจะเข้าประมูลงานดังกล่าวทั้ง 3 สัญญา โดยสัญญา 1-2 จะเข้าประมูลเองในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ แต่สัญญาที่ 3 จะหาพันธมิตรต่างชาติที่มีเทคโนโลยีรถไฟฟ้าร่วมประมูล คาดว่าจะรู้ผลราวไตรมาส 3/54 หากเป็นไปตามตารางเวลาที่ต้องใช้เวลา 7-9 เดือน

ส่วนสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ คาดว่าจะเปิดประมูล ไตรมาส 2/54 และ สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ คาดเปิดประมูลไตรมาส 4/54 สายสีชมพู ช่วงปากเกร็ด-มีนบุรี งบลงทุน 3.3 หมื่นล้านบาท เป็นระบบโมโนเรล ภาครัฐเร่งประมูลคาดว่าน่าจะเปิดประมูลได้ปลายปี 54 และสายสีส้ม ช่วงบางบำหรุ-มีนบุรี งบประมาณ 1.3 แสนล้านบาท

รวมทั้งยังมีงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า 4 แห่ง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 2 โรงๆละ 800 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้า จะนะ 2 และ โรงไฟฟ้าวังน้อย 4 ซึ่งจะเปิดประมูลเดือน ธ.ค.นี้พร้อมกัน และคาดว่าจะรู้เซ็นสัญญาและก่อสร้างได้ปลายปี 54 ยังไม่นับรวมการก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP ตามแผนของกฟผ. และโรงไฟฟ้าของภาคเอกชน 2 แห่ง โดยมีกำลังการรผลิตแห่งละ 1,600 เมกะวัตต์ คาดว่าแห่งแรกจะเริ่มก่อสร้างและเว็นสัญญาต้นปี 54 และอีกแห่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาในต้นปี 55

"ใน 4 โรง ผมว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะได้งามา อย่างน้อยน่าจะได้ 2 โรง" นายวรพันธ์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีงานศาลรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่างาน 1.1 หมื่นล้าบาท งานสร้างสะพานนนทบุรี มูลค่า 3,700 ล้านบาท และงานรถไฟรางคู่

นายวรพันธ์ กล่าวว่า Backlog ที่บริษัทรับได้เต็มที่ขณะนี้จะแปลงเป็นรายได้ปีละ 2 หมื่นล้านบาท ขณะนี้บริษัทเตรียมเพิ่มวิศวกรเข้ามาอีก 50-100 คนเพื่อรับงานเพิ่มขึ้น และขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะบริษัทยังมีเงินสดหมุนเวียนประมาณ 1 พันล้นบาท และหากไม่พอสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ เพราะปัจจุบันบริษัทไม่มีเงินกู้

"งาน Mass Transit จากนี้ไปจะมีงานออกไปถึง 20 ปี โดยจะมีงานทุกปี และแต่ละสายแบ่งออกเป็นหลายสัญญา ทำให้ไม่มีแรงกดดันในการแข่งขันราคามาก...5 ปีจากนี้ไป ผมคิดว่าเป็นช่วง cycle งานก่อสร้างจะกลับมาเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่จะมา ให้มีงานต่อเนื่องไปที่จะมีงานเข้ามาสม่ำเสมอ ยังไม่พูดถึงงานเอกชน ที่เรื่อง EIA HIA ชัดเจนแล้ว" นายวรพันธ์ กล่าว

แท็ก (STEC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ