KK คาด NPL ปี 53 ต่ำกว่าที่ตั้งไว้ 5%กว่า หลัง 9 เดือนลงมาที่ 4.8%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 22, 2010 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) เปิดเผยว่า ในปี 53 ธนาคารได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อรวมมาอยู่ที่ 10-15% จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 8-12% เนื่องจากช่วง 9 เดือนแรก ยอดสินเชื่อรวมเติบโต 16% แล้ว หรือปล่อยสินเชื่อได้ 100,900 ล้านบาท จากสิ้นปี 52 มียอดปล่อยสินเชื่อ 87,000 ล้านบาท และไตรมาส 4/53 คาดว่ายอดสินเชื่อยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

ยอดสินเชื่อที่เติบโตได้มากกว่าเป้าหมาย เนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 18.8% และสินเชื่ออื่นๆ ยังเติบโตได้ต่อเนื่องเช่นกัน และช่วงไตรมาส 4/53 มองว่ายอดขายรถยนต์ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเติบโตตามไปด้วย

"ยอดขายรถยนต์ช่วง 8 เดือนแรก โต 50% และเฉพาะ ก.ย.53 เติบโตถึง 60% คาดว่าแนวโน้มไตรมาส 4 ยอดขายรถยนต์ยังเติบโตดี ทำให้คาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อจะโต แม้เกิดน้ำท่วมที่มีผลต่อการปล่อยสินเชื่อบ้าง แต่ยังเชื่อว่ายังโตได้" นายชวลิต กล่าว

สำหรับยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าสิ้นปี 53 อยู่ที่กว่า 5% โดยช่วง 9 เดือนแรกสัดส่วน NPL ลดลงเหลือ 4.84% จากสิ้นปี 52 ที่อยู่ 5.64% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายแล้ว โดย NPL ทุกไตรมาสลดลงทั้งในแง่ของจำนวนหนี้เสียและอัตรา

นายชวลิต กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี ธนาคารได้ออกหุ้นกู้ไปแล้วจำนวน 14,000 ล้านบาท จากที่ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นจำนวน 30,000 ล้านบาท ดังนั้นวงเงินที่เหลือจะมีการออกหุ้นกู้อีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา และราคาที่เหมาะสม โดยจะพิจารณาเรื่องการบริหารจัดการเชิงต้นทุน

"ถ้าตลาดเป็นแบบนี้ pricing เป็นแบบนี้ เรายังมีแนวโน้มที่จะออกหุ้นกู้เพิ่ม ถ้าออกได้ต้นทุนเหมาะสมก็จะออก อยู่ที่โอกาส ราคา จังหวะเวลา" นายชวลิต กล่าว

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในปี 54 อาจเติบโตไม่มากเท่าปี 53 โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 3-4% ดังนั้นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารยังเติบโตได้ระดับกลาง แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยธนาคารจะวางแผนธุรกิจปี 54 ในช่วงเดือน ม.ค.54 ซึ่งการวางเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อต้องควบคู่ไปกับคุณภาพ และยังโฟกัสสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ เน้นผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก

อย่างไรก็ตาม ยอดสินเชื่อที่เติบโตได้ต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารต้องเร่งระดมขยายฐานเงินฝากควบคู่ไปด้วย โดยการเปิดสาขาธนาคารในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น

ส่วนกรณีประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน ธ.ค. ครั้งสุดท้ายของปีนี้ มองว่า น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เพื่อดูแลเงินเฟ้อ โดยยอมรับว่าจะมีผลต่อต้นทุนเงินฝากในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ