ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) โดยดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.ที่พุ่งขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมต้นเดือนหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 31.49 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 11,164.05 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 1,185.62 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.46 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 2,490.85 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและ Nasdaq มีอยู่ราว 7.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหัฐอ่อนค่าลง ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง ขณะเดียวกันตลาดยังได้คงได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตราและตราสารหนี้ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของสภาพคล่องในระบบการเงิน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 10% จากเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.53 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4% แตะระดับ 4.30 ล้านยูนิต บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ
ตัวเลขดังกล่าวออกมาสอดคล้องกับที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐรายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้สร้างบ้าน เพิ่มขึ้นแตะระดับ 16 จุดในเดือนต.ค. จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 13 จุด ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 14 จุด
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟ ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับขั้นตอนการยึดบ้านหลุดจำนองของสถาบันการเงินในสหรัฐ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทางการสหรัฐยังคงดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพื่อหาหลักฐานว่าสถาบันการเงินในสหรัฐดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ ก่อนที่จะยึดบ้านที่หลุดจำนองของประชาชนที่ผิดนัดชำระหนี้ หลังจากมีรายงานว่าสถาบันการเงินหลายแห่งยื่นเอกสารที่เป็นเท็จและละเมิดกฎหมายในการยึดบ้านหลุดจำนอง
ทั้งนี้ หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดร่วงลงกว่า 1.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยจะเปิดเผยราคาบ้านเดือนส.ค.ของสหรัฐ และคอนเฟอเรนซ์บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนต.ค.
วันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในนิวยอร์กซิตี้เดือนต.ค.