บมจ.จีเอฟพีที(GFPT)คาดรายได้ปี 53 จะเติบโตราว 5% มาอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาไก่ปีนี้ปรับตัวลงจากปีก่อน จากปริมาณไก่ในตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิก็คาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อนเช่นเดียวกัน โดยในไตรมาส 3/53 คาดว่ารายได้จะสูงกว่าไตรมาส 2/53 จากปริมาณไก่ที่ขายออกไปได้มากตามฤดูกาล แม้ว่าราคาไก่จะปรับต้วลงก็ตาม
ส่วนปีหน้าคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นอีก 10% เป็น 1.3 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิก็เติบโต 10% ส่วนหนึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการส่งไก่เป็นให้กับบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร(GFN) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน(GFPT ถือ 49%) และปี 55 คาดว่ารายได้กำไรจะเติบโตสูงสุดหลัง GFN เดินเครื่องการผลิตเต็มที่ โดยรายได้จะปรับเพิ่มเป็น 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท
น.ส.จุฑามาส อิงโพธิ์ชัย ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ GFPT กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า GFPT คาดรายได้ปี 53 จะอยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 5% จากปีก่อนที่มี 1.1 หมื่นล้านบาท จากปริมาณขายไก่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายในประเทศปีนี้ลดลงจากปีก่อน โดยขณะนี้ราคาไก่เป็นอยู่ประมาณ 34-36 บาท/กก.ส่วนราคาส่งออกไม่ได้ปรับลด ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าโต 5% จากปีก่อนที่มี 1.07 พันล้านบาท
สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทไม่ได้กระทบในช่วงสั้น เพราะบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ 100% แต่ในระยะยาวมองว่าจะเสียเปรียบด้านการแข่งขัน เพราะราคาสูงกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 25% ของรายได้รวม โดยมีตลาดหลักอยู่ที่ญี่ปุ่นและยุโรป แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณการชะลอซื้อ
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 5.8 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 573 ล้านบาท โดยไตรมาส 3 เป็นช่วงไฮซีซั่น ทำให้ปริมาณขายไก่ได้มากขึ้น แม้ว่าราคาจะลดลงจากไตรมาสก่อนประมาณ 5% ส่วนในไตรมาส 4/53 จะชะลอตัว ต่างจากปีก่อนๆที่ไตรมาส 1 และ 2 จะมียอดขายไม่ค่อยดีมาก แต่ปีนี้ยอดคำสั่งซื้ออั้นมาจากปีก่อนจึงมีคำสั่งซื้อเข้ามาครึ่งปีแรกค่อนข้างมาก
*ปี54 โต 10% ปี 55 Peak จาก GFN เดินเครื่องเต็มที่
น.ส.จุฑามาส คาดว่า รายได้ในปี 54 จะมี 1.3 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีนี้ และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิโตราว 10% โดยจะมีรายได้เพิ่มจากการส่งไก่เป็นให้กับ GFN ประมาณ 3.5-4 พันล้านบาท และรับรู้กำไรสุทธิจาก GFN ตามสัดส่วนที่ถือหุ้น 49%
และในปี 55 คาดรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จากการที่โรงงาน GFN เดินเครื่องเด็มกำลัง คาดว่าจะมีรายได้ 5 พันล้านบาทในปีแรก รวมทั้งรายได้ไก่เป็นที่จัดส่งให้ GFN ที่มีกำลังการผลิต 1 แสนตัว/วัน หรือ 1,500 ตัน/เดือน เพื่อผลิตเป็นไก่ปรุงสุกส่งออกที่ญีปุ่น
นอกจากนี้ บริษัทยังประหยัดต้นทุนจากการเพิ่มปริมาณการเลี้ยงไก่เพิ่มขึ้นอีก 1 แสนตัว/วัน รวมถึง โรงงานอาหารสัตว์กรุงไทย(บริษัทย่อย)ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขยายฟาร์มเลี้ยงไก่ที่ใช้เงินลงทุน 1,500 ล้านบาท ซึ่งลงทุนไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะลงทุนในปีนี้
ในส่วนโรงงานอาหารสัตว์ บริษัทได้เพิ่มโรงใหม่มีกำลังการผลิต 5 แสนตัน/ปี และโรงเดิมมีกำลังการผลิต 4 แสนตัน/ปี ขณะนี้ใช้กำลังการผลิตเพียง 50% คาดว่าจะใช้เต็มเกือบ 100% ในปี 55 ตามการขยายตัวการเลี้ยงไก่
"เราตั้งเป้า Gross Profit Margin ที่ 15% ไว้ทุกปี ซึ่งทำได้แล้วเมื่อ 2 ปีก่อน...ถ้าเราขยายฟาร์มได้เสร็จ และโรงอาหารสัตว์ Run ได้เต็ม overhead ก็จะลดลงอีก"น.ส.จุฑามาส กล่าว
สำหรับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์บริษัทสต็อกไว้ประมาณ 2-3 เดือน จะไม่เก็บนานมากเพราะเกรงว่าราคาวัตถุดิบผันผวน